- 05 ต.ค. 2559
ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://panyayan.tnews.co.th
สิ่งที่มนุษย์เรายังไม่รู้มีอีกมากมายนัก เรื่องราวของ “หลวงปู่เทพโลกอุดร” เช่นกัน เป็นเรื่องราวที่อยู่ในความใคร่รู้ของใครต่อใครมากมาย บางส่วนก็เชื่อว่ามีจริง บางส่วนก็ไม่เชื่อว่ามีจริง ต่างถกเถียงกันไปมา เรื่องของหลวงปู่โลกอุดรนั้น จัดเป็นเรื่อง “อจินไตย” หากพยายามค้นหากันด้วยวิถีทางวัตถุหรือตามความนึกคิดของปุถุชนแล้วย่อมคว้าน้ำเหลว (เช่นเดียวกันกับเรื่องเหล็กไหล ปรอทสำเร็จและเรื่องลึกลับอื่นๆ ที่ยากต่อการเข้าใจด้วยกระบวนวิธีรับรู้แบบวิทยาศาสตร์สามัญ) แต่หากย้อนเข้ามาดูในใจตนเองแล้วก็สามารถควานหาหนทางให้พบกับหลวงปู่เทพโลก อุดรท่านได้ไม่ยากเย็นนัก สรุปแล้วการค้นคว้าเรื่องหลวงปู่เทพโลกอุดรที่ถูกต้องคือการปฏิบัติกรรมฐาน จนได้ฌานได้สมาธินั่นเอง
ก่อนจะเข้าเรื่อง “หลวงปู่เทพโลกอุดร” นั้น ผู้เขียนได้รวบรวมคำถามสำคัญที่ข้องใจเกี่ยวกับหลวงปู่ผู้เป็นอริยะเหนือโลก ไว้ดังนี้ เช่น
หลวงปู่โลกอุดรมีตัวตนจริงหรือไม่ - สำหรับผู้เขียนขอยืนยันว่าท่านมีจริงแน่นอน
หลวงปู่โลกอุดรมีอายุยาวนานนับพันปีจริงหรือ- ตอบได้ว่าเรื่องนี้เป็นจริงแน่นอน เป็นไปได้ด้วยอำนาจอิทธิบาทฌานตามพุทธดำรัสของพระพุทธเจ้า
ที่ว่าหลวงปู่โลกอุดรทำไมท่านจึงยังมีชีวิตไม่นิพพานไปตามสภาวธรรมปกติทั่วไป- ตอบได้ว่า เพราะท่านอธิษฐานจิตดูแลพระศาสนาของพระบรมศาสดาสมณะโคดมให้ครบ ๕ พันปีเสียก่อน และท่านจะอยู่รอพบพระศรีอาริย์ด้วย
คำถามที่ว่าผู้วิเศษที่เหมือนหลวงปู่โลกอุดรมีหรือไม่ – ตอบว่ามี
ดังจะได้กล่าวเล่าเรื่อง “ปฐมบทหลวงปู่โลกอุดร” ให้ได้ทราบกันดังนี้ว่า หลวงปู่โลกอุดรนั้นท่านเป็นพระทรงฤทธิ์อภิญญาสูงสุด องค์ท่านเป็นชาวเนปาล เป็นพระสมณฑูตเข้ามาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ และพระอริยเจ้าในลักษณะเดียวกันนี้มีด้วยกันหลายองค์ โดยองค์ที่สำคัญมีดังนี้คือ
ตำนานพระปิณโฑละวัชชะ ผู้เป็นต้นเค้าตำนานพระโลกอุดร
“พระปิณโฑลวัชชะ” ท่านเป็นพระอรหันต์ที่มีฤทธิ์อภิญญาสูงมาก เป็นสหมิกธรรมกับ “พระโมคคัลลานะ” เคยสร้างเกียรติประวัติดังนี้คือ ครั้งที่ ๑ เมื่อคราวที่เศรษฐีสร้างบาตรจากไม้จันทน์แดงแขวนไว้บนยอดไม้ ป่าวประกาศว่าหากพระอรหันต์มีจริงก็ให้มาเอาบาตรนี้ไป คราวนั้นพวกเดียรฐีจำนวนมากพยายามมาเอาแต่เอาไม่ได้ เศรษฐีประกาศว่าหากครบ ๗ วันไม่มีพระอรหันต์องค์ใดมาเหมาะเอาบาตรจันทน์แดงจากยอดไม้ไปได้ตนก็จะไม่ เชื่อว่ามีพระอรหันต์บนโลกนี้ ขณะนั้นพระปิณโฑละเดินบิณฑบาตรกับพระโมคคัลลาทราบข่าวเข้าก็อาสาไปแสดงฤทธิ์ให้ปรากฏ ท่านทำฤทธิ์เหาะขึ้นไปบนนภากาศเวียนรอบเมืองสามรอบแล้วเอานิ้วเท้าเกี่ยว บาตรไม้จันทน์แดงลงเป็นที่อัศจรรย์แก่เศรษฐีมาก เมื่อพระพุทธองค์ทราบเรื่องจึงตรัสแก้หมู่สงฆ์ว่าเป็นพระภิกษุไม่สมควรแสดง ฤทธิ์เยี่ยงนี้อีก แต่นั้นมาจึงบัญญัติภิกษุใดแสดงฤทธิ์เป็นความผิดเรียกว่า “อาบัติ” นั่นเอง
ต่อมาในวาระที่ ๒ คณะของพระพุทธเจ้าเสด็จไปสวรรค์ชั้นดาวดึงษ์ “พระปิณโฑละ” กำลังเย็บจีวรตามคณะไม่ทัน ด้วยความรีบจึงเข้าฌานและเหาะไปตามเสด็จ ปรากฏว่าด้วยความที่ไม่ระวังด้ายที่เย็บจีวรยังไม่ทันดึงให้ขาด แล้วด้ายนั้น พันอยู่กับปลายเข็ม ส่วนปลายเข็มนั้นปักลงกับภูเขาหิน ด้วยอำนาจฤทธิ์แห่งพระปิณโฑละทำให้ทั้งด้าย เข็มและเขายกตัวขึ้นลอยกลางอากาศ พอดีมีหญิงครรภ์แก่เดินมาเห็นภูเขาลอยอยู่เกรงว่าจะเป็นอันตรายตกใจจนแท้ง ลูกเสียชีวิต พระพุทธองค์ทราบด้วยพระญาณรีบรับสั่งให้พระโมคคัลลาไปเตือนพระปิณโฑละ ว่ามีอะไรติดมาด้วยพระปิณโฑละเหลียวมองจึงรู้ว่าบัดนี้ภูเขาทั้งลูกลอยตามตนมา จึงใช้นิ้วดีดภูเขาไปตั้งที่เดิม พระพุทธองค์แจ้งเรื่องราวทั้งหมดให้พระปิณโฑละทราบแล้วปรับความผิดครั้งนี้ คือ พระปิณโฑละนั้นอย่าเพิ่งเข้านิพพาน แต่ให้ดำรังสังขารขันธ์อยู่พิทักษ์รักษาศาสนาของพระพุทธองค์ให้ครบ ๕ พันปีเสียก่อน จึงเข้าสู่นิพพานด้วยประการฉะนี้
ตามคติแล้วบัดนี้เรายังถือว่าพระปิณโฑละยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ดูแลพระพุทธ ศาสนาด้วยฤทธิ์อภิญญาอย่างลี้ลับ พระปิณโฑละนี้พระพุทธองค์ทรงยกย่องว่า “เป็นเลิศทางบันลือสีหนาทประกาศพระศาสนา”
นอกจาก “พระปิณโฑละ” ที่ดำรงสังขารมานานนับพันปีตามคตินี้แล้วยังมี “พระอุปคุต” ซึ่ง เป็นพระอรหันต์ปราบมารในตำนานอีกพระองค์หนึ่งที่เป็นต้นตำนานพระโลกอุดรผู้ มีอายุยาวนานนับพันปีอยู่ดูแลพระพุทธศาสนามาจนถึงทุกวันนี้ โดยเรื่องของ "พระอุปคุต" นั้นเราขอนำเสนอท่านในตอนต่อไป