- 01 เม.ย. 2560
รู้จริง...รู้แจ้ง...ทุกเรื่องราวแห่งปาฏิหาริย์ http://tnews.co.th
เมื่อปี ๒๕๑๖ วันเสาร์ที่ ๓ มีนาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ได้เสด็จฯ ทรงดนตรี ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ, สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์
ในวันนั้น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ ได้ทรงมีพระดำรัสสนทนากันว่า...
[หมายเหตุ : อักษรย่อ ส. หมายถึง “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา”, อักษรย่อ จ. หมายถึง “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์”]
ส. : ปีนี้แปลกกว่าทุกปี คือยังไม่ได้สอบ กลับไปต้องไปท่องหนังสือต่อ ยังไม่ทันสอบ แต่ว่าก็ได้วางแผนล่วงหน้าแล้วว่าสอบเสร็จแล้วจะทำอะไร เช่น ไปทานก๋วยเตี๋ยวห่อละสองบาท จะต้องเอาเงินไปสามบาท เพราะว่าเผื่อค่าน้ำดื่ม
คราวนี้เวลาจะไปหัวหิน อย่างเคยต้องไปๆ กลับๆ เพราะว่าจะต้องเตรียมสอบเข้าอีก แต่หนังสือสอบเข้าก็ยังไม่ได้ท่อง เพราะว่าเก็บเอาไว้สอบไล่ให้ได้เสียก่อน ... ต้องถามคนที่เขาสอบแล้วว่าเป็นอย่างไร ผู้นี้เล่นหนังสือแบบหนังสือทวน ซื้อมาเป็นประจำ ใช้ได้สะดวก เปิดคล่อง
ธรรมดาไปหัวหินนี่ก็เตรียมของไป คือลูกบอลขนาดต่างๆ ทุกเบอร์ แต่คราวนี้เห็นท่าจะต้องงดรายการนี้เสียก่อน...จนกว่าธุรกิจฝ่ายอื่นจะเสร็จสิ้น การวิ่งยังปฏิบัติเกือบเหมือนเดิม แต่ออกจะเลือนๆ หายไปจากวงการวิ่งเล็กน้อย... ถ้ามีโอกาส
จ. : ไม่มี
ส. : ไม่มี...ต้องมี (เสียงฮา) ... ปุจฉา-วิสัชนาดีกว่า
จ. : จะปุจฉาว่าอย่างไรฮะ?
ส. : น้องเล็กจะเรียนวิชาอะไรต่อไป... จบ ม.ศ. ๓ นี้? (เสียงฮา)
จ. : ปีหน้าเลือกเรียนแผนกวิทยาศาสตร์
ส. : ทำอะไร? (เสียงฮา)
จ. : ก็เรียน
ส. : สร้างบอมบ์
จ. : แหม! ไม่ไหว... กลัวบ้านพัง
ส. : เมื่อก่อนนี้เวลายังเล็กๆ อยู่ พวกพี่ๆ ทั้งหลายก็ชอบทดลองเคมีกัน น้องเล็กตอนนั้นก็ยังไม่คิดเป็นนักวิทยาศาสตร์...ก็มักจะหนีจากห้องทดลองเสมอ เพราะว่านึกว่าการทดลองจะระเบิดขึ้นได้เป็นครั้งคราว
ยิ่งผู้ทดลองแทนที่จะใช้ตะเกียงแอลกอฮอล์ก็ใช้เทียนคล้ายๆ เทียนอาจารย์คงในเรื่องแม่นาคพระโขนงแทน (เสียงฮา) เพราะว่าไม่มีแอลกอฮอล์ใช้ เลยทำให้เป็นที่น่าหวาดเสียวยิ่งขึ้น
จ. : ฮือ! น่ากลัว (เสียงฮา) ... แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นฝ่ายถูกไล่แล้วนะ
ส. : ไม่ออก ... ไล่ก็ไม่ออก
จ. : เดี๋ยวนี้ไม่ใช่คนถูกไล่ เพราะว่าหลายคนไม่ไว้ใจว่าเดี๋ยวจะมาระเบิดห้อง ... ไล่ออกไปทดลองที่เฉลียง
ส. : เพราะฉะนั้น...อีกหน่อยในอนาคตเราอาจได้อะไรดีละ (เสียงฮา)
จ. : เป็นผู้รื้อบ้านที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
ส. : อือ... ไม่ใช่ยังงั้น
จ. : คือระเบิดตูมเดียวบ้านพังหมดเลย
ส. : ไม่เป็นไร (เสียงฮา) ... ปีหน้าว่าจะร้องเพลงให้ดีๆ กว่านี่หน่อย เพราะคราวนี้มัวแต่ท่องหนังสือบ้าง รับประทานขนมบ้าง อะไรบ้าง
จ. : อร่อย
ส. : ราวๆ เดือนสิงหาคมก็จะไป คราวนี้มีพระราชฐานที่จะแปรใหม่แล้ว คราวนี้ตันหยง...ที่นราธิวาส
จ. : ผีดุด้วย (เสียงฮา)
ส. : อะไร ... ที่โน่นจะได้ซุ่มซ้อมอะไรต่างๆ
จ. : ซ้อมปราบผี... (เสียงฮา) ...ก็ดี พี่น้อยรู้สึกจะหล่อเทียนอาจารย์คงอยู่เยอะแยะอยู่แล้ว
ส. : งั้นตกลง...จบ ม. ๘ ต่อวิชาหล่อเทียน (เสียงฮา)
จ. : มีหวังอย่างงั้น ... ได้รายได้ดีนะ (เสียงฮา)
ส. : ขอลาแล้ว (เสียงฮา)
จ. : ก็ขอลาดีกว่า ... ไม่ทราบจะพูดอะไร
หลังจากทั้งสองพระองค์ตรัสเสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ตรัสด้วยความเบิกบานในพระราชหฤทัยว่า
"เมื่อกี้นึกว่าจะมานั่งแล้วก็คอยถึงพรุ่งนี้เช้า มะรืนนี้เช้า เพราะว่าตามธรรมดาสองพี่น้องนี้เวลาเขาพูดคุยกัน จะอยู่ด้วยกันสองคนหรือมีใครต่อใคร เขาก็คุยจุ๋งจิ๋งๆ ไปตลอดเวลา เขาชำนาญมาก...การคุย (เสียงฮา) เลยนึกว่าจะไม่จบเสียทีนะ ... แต่แท้จริงเขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว (เสียงฮา)
แต่ตามธรรมดาเวลาเขาไม่รู้จะพูดอะไร ต่างคนเขาก็ต่างพูดเรื่องของตัว แล้วก็อีกคนก็ฟัง หูก็ฟังเรื่องของอีกคน แล้วปากก็พูดอีกเรื่อง แต่เข้าใจกัน (เสียงฮา) ... คือว่าเครื่องของเขาก็ประหลาด หูฟังได้เรื่องหนึ่ง ปากพูดได้อีกเรื่องหนึ่ง (เสียงฮา)"
---------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : หนังสือ "พระราชอารมณ์ขันจากพระโอษฐ์" โดย วิลาศ มณีวัต