แอสตร้าเซนเนก้า รับ วัคซีนโควิด มีผลข้างเคียง เกิดลิ่มเลือด-เกล็ดเลือดต่ำ

แอสตร้าเซนเนก้า ยอมรับ วัคซีนโควิด มีผลข้างเคียงให้เกิดภาวะลิ่มเลือด-เกล็ดเลือดต่ำ หลังโดนฟ้อง 100 ล้านปอนด์

ถือเป็นเป็นครั้งแรกที่บริษัทยายักษ์ใหญ่ แอสตร้าเซนเนก้า ออกมายอมรับว่า วัคซีนได้ทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน โดยปรากฏอยู่ในเอกสารในชั้นศาล พบว่า วัคซีนป้องกันโควิดสามารถก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ยาก ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ อาจจะทำให้บริษัทต้องจ่ายเงินหลายล้านปอนด์ หลังเกิดการฟ้องร้องในอังกฤษ
 

ทั้งนี้ ในคดีฟ้องร้องแบบกลุ่ม ได้กล่าวหาแอสตร้า ว่า วัคซีนดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บสาหัส เรียกร้องค่าเสียหายสูงถึง 100 ล้านปอนด์ แก่เหยื่อประมาณ 50 ราย โดย ผู้ร้องเรียนรายหนึ่ง กล่าวหาว่า วัคซีนทำให้เขาได้รับบาดเจ็บที่สมองอย่างถาวร หลังจากที่เขามีลิ่มเลือด จนทำให้เขาทำงานไม่ได้ แม้ว่า แอสตร้า จะโต้แย้งข้อกล่าวอ้างเหล่านั้น  แต่ก็ยอมรับเป็นครั้งแรกในเอกสารของศาลฉบับหนึ่งว่า วัคซีนสามารถทำให้เกิด ภาวะทีทีเอส (TTS) หรือ ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน-ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ ได้ในบางกรณี หรือก็คือ ภาวะที่มีลิ่มเลือดอุดตันและมีเกล็ดเลือดต่ำ ภายหลังการได้รับวัคซีน โดยเอกสาร ระบุว่า “เป็นที่ยอมรับกันว่า วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ทำให้เกิด TTS ได้ในบางกรณี แต่ไม่ทราบสาเหตุ”

ทั้งนี้ โควิชีลด์ ได้รับการพัฒนาโดย บริษัท อังกฤษ สวีเดน โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัย ออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ และผลิตโดย สถาบันเซรุ่ม แห่งอินเดีย มีการบริหารงานอย่างกว้างขวาง ใน 150 ประเทศ รวมถึง สหราชอาณาจักร และ อินเดีย

โดย วัคซีนดังกล่าวมี ประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ได้ 60-80% อย่างไรก็ตาม การวิจัยก็พบว่า โควิดชิลด์ อาจทำให้บางคนเกิดลิ่มเลือด ซึ่งอาจถึงแก่ชีวิตได้

 

ขอบคุณ Independent