- 07 ก.พ. 2568
หมอเตือนภัย PM 2.5 อันตรายกว่าที่คิด เสี่ยงหัวใจขาดเลือด เปิดเคสคนไข้หัวใจหยุดเต้น ทั้งที่ไม่สูบบุหรี่ ต้องทำบอลลูนไป ปั๊มหัวใจ ช๊อคไฟฟ้าเกือบ 10 รอบ ถึงเอาชีวิตคนไข้กลับมาได้
ค่าฝุ่น PM 2.5 วันนี้ เป็นปัญหาที่น่ากังวัลเพราะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ล่าสุด นพ.ศุภชัย โรจน์ขจรนภาลัย ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กถึงคนไข้ที่เจอผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 โดยระบุว่า
"หน้าฝุ่นนี้ ผมลุกขึ้นทำบอลลูนหลอดเลือดฉุกเฉินแทบจะทุกคืนแล้ว จากปกติจะมากในหน้าหนาว แต่หน้าฝุ่นนี้ ส่วนตัวรู้สึกได้ว่าเยอะขึ้นจริง ๆ ครับ
เมื่อคืนนี้ คนไข้ อายุ 48 ปี หัวใจหยุดเต้นขณะไปเล่นฟุตบอล ท่ามกลาง PM2.5 จำนวนมหาศาลที่ปกคลุมทั่ว กทม. โชคยังดี ทีมกู้ภัยมาช่วยปั๊มหัวใจไว้ทันและนำส่งถึงมือผม คนไข้ปฏิเสธโรคประจำตัว ไม่สูบบุหรี่ ผลการตรวจ เส้นเลือดตีบ 3 เส้น และมีลิ่มเลือดอุดตันเฉียบพลันที่เส้นเลือดที่เลี้ยงผนังหัวใจด้านหน้า ระหว่างทำคนไข้หัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรงอีกหลายครั้ง ต้องทำบอลลูนไป ปั๊มหัวใจไป ช๊อคไฟฟ้าไปเกือบ 10 รอบ จึงเอาชีวิตคนไข้กลับมาได้
ผมถามคนไข้ครับ ว่าฝุ่นเยอะขนาดนี้ ทำไมยังไปเล่นกีฬาในที่กลางแจ้งอีก คำตอบคือ ไม่ได้เล่นมา 2 อาทิตย์แล้ว จึงอยากเล่นจนถึงปัจจุบันมีข้อมูลยืนยันแล้วมากมาย ว่า PM2.5 สัมพันธ์ กับการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
พบว่าการสัมผัส PM2.5 ในระยะสั้น (1-2 วัน) สัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของอัตราการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน โดยความเสี่ยงสัมพัทธ์ (RR) เพิ่มขึ้นประมาณ 1.5-2% ต่อทุกๆ 10 µg/m³ ของ PM2.5
การสัมผัส PM2.5 ในระยะยาว (หลายเดือนถึงหลายปี) สัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยง ACS มากกว่า โดยความเสี่ยงสัมพัทธ์เพิ่มขึ้นประมาณ 5-10% ต่อทุกๆ 10 µg/m³ ของ PM2.5
เพราะ PM2.5 ทำให้เกิด ภาวะอักเสบทั่วร่างกาย กระตุ้นการแข็งตัวของเลือดอย่างผิดปกติ กระตุ้นระบบซิมพาเทติก ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันโลหิตสูงขึ้น จึงเพิ่มโอกาสของภาวะหัวใจขาดเลือด
ฝุ่นนี้เป็นภัยใกล้ตัว เพราะมันไม่มีอาการทันที มองไม่เห็น ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น แต่อันตรายเหมือนยุค เรารู้จักโควิดกันใหม่ๆ น่าแปลกใจ ที่ตั้งแต่รัฐบาล ยันประชาชน ไม่ได้ตระหนักถึงภัยมากเพียงพอ
หลบได้หลบ ถ้าหลบไม่ได้ หน้ากากอนามัยสวมใส่เถิดครับเวลาออกข้างนอก กีฬากลางแจ้งในช่วงนี้ไม่ควรเลยครับ โดยเฉพาะคนมีโรคประจำตัว ระวังและป้องกัน ทำให้เหมือนยุคโควิดเดลต้าระบาด ที่เรารู้ว่าอันตราย แล้วพวกเราจะปลอดภัยขึ้นนะครับ"
ขอบคุณ FB : ศุภชัย โรจน์ขจรนภาลัย