- 05 ม.ค. 2564
“หมอศิริราช”เผยสาเหตุ ทำไมโควิดรอบนี้ “คนอายุน้อยถึงเสียชีวิตง่าย”
ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงความคืบหน้าอาการของนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผวจ.สมุทรสาคร ที่ป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่า จากการตรวจเลือดเพื่อดูการอักเสบต่างๆ นั้น ถือว่าดีขึ้น การติดเชื้อดีขึ้น การทำงานของอวัยวะดีขึ้น ปัสสาวะปกติ ทั้งนี้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาระดับอ็อกซิเจนในเลือดต่ำลงนิดหน่อย และมีแนวโน้มใช้เครื่องช่วยหายใจอีกระยะ ซึ่งตามปกติการดูแลผู้ป่วยหนักของ รพ.ศิริราชจะใช้เครื่องช่วยหายใจประมาณ 3-10 วัน กรณีผู้ว่าฯ ตอนนี้ผ่านมาครึ่งทางแล้ว คงต้องดูต่ออีกระยะ เพื่อรอให้ปอดส่วนที่เหลือฟื้นตัวดีขึ้น
เมื่อถามว่าการหากคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ตอนนี้การทำงานของปอด ผวจ.สมุทรสาคร เป็นอย่างไร ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า จากการภาพเอ็กซ์เรย์ปอดภาวะปอดอักเสบ แต่ก็นำมาใช้เพื่อยืนยันไม่ได้ ต้องอิงกับลักษณะท่านอนด้วย เพื่อดูระดับการไหลเวียนออกซิเจนในเลือด ตอนนี้สัญญาณคงที่ มีแนวโน้มดี และยังต้องให้ยาฟาวิพิราเวียร์ ต่อไปอีกระยะ คาดว่าหากอาการดีขึ้น 2-3 วัน ฝึกให้ผวจ.สมุทรสาคร หายใจด้วยตัวเอง และถอดเครื่องช่วยหายใจ ส่วนอาการ นางชุติพร วิจิตร์แสงศรี ภรรยา ผวจ.สมุทรสาคร อาการไม่ได้มีปัญหาอะไร จะให้ยาฟาวิพิราเวียร์เพียง 5 วัน ตามหลักการดูติดเชื้อโควิด-19 แต่ไม่ได้มีปัญหาอะไรก็จะหยุดให้ยา
ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ข้อสังเกตจากการดูแลผู้ป่วยอาการหนักที่ รพ.ศิริราช 17 ราย พบว่าเกิดขึ้นในคนอายุน้อย รวมถึงอัตราการเสียชีวิตก็พบในคนอายุน้อย ประมาณ 20-40 ปี ทั้งที่เป็นกลุ่มวัยที่เมื่อติดเชื้อแล้วจะไม่ค่อยมีอาการรุนแรง อัตราตราการเสียชีวิตต่ำ แต่รอบนี้กลับพบว่ามีอาการรุนแรง ทั้งนี้เป็นเพราะมาพบแพทย์ช้า มาเมื่อมีอาการหนักแล้ว อาจเป็นเพราะไปที่อโคจร ซึ่งถ้าอาการหนักการรักษาด้วยยาฟาวิพิราเวียร์อาจจะไม่ทันกาล ดังนั้น อยากให้คนที่มีความเสี่ยงรีบไปพบแพทย์ เมื่อถามต่อว่าเรื่องของสายพันธุ์มีผลต่อการรักษาผู้ป่วยโควิดรอบใหม่กับรอบแรกหรือไม่ ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีผลต่อการรักษา สายพันธุ์ที่ระบาดรอบนี้ยังไม่พบหลักฐานข้อมูลทางวิชาการว่าทำให้โรครุนแรงขึ้น แต่ทำให้แพร่กระจายเร็วขึ้น ดังนั้นการรักษายังรักษาเหมือนเดิม