"ยะลา"สั่งเคอร์ฟิว ยกระดับมาตรการป้องกันโควิด ใครฝ่าฝืนต้องถูกดำเนินคดี

ผู้ว่าฯยะลา เผย เตรียมยกระดับมาตรการป้องกันโควิด 19 สั่งเคอร์ฟิวเป็นเวลา 18 วัน ระบุ ใครฝ่าฝืนต้องถูกดำเนินคดี หลังผู้ป้วยโควิดใน3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอเบตง และอำเภอกรงปินัง มีแนวโน้มเพิ่มอย่างต่อเนื่อง

28 เมย.64 นายชัยสิทธิ์ พานิชพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พร้อมด้วย นายแพทย์สงกรานต์ ไหมชุม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา และ พลตำรวจตรีทินกร รังมาตย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ได้ร่วมกันแถลงข่าวถึงมาตรการของการเตรียมยกระดับการควบคุมและเฝ้าระวังสถานการณ์โควิด 19 ในพื้นที่จังหวัดยะลา 

\"ยะลา\"สั่งเคอร์ฟิว ยกระดับมาตรการป้องกันโควิด ใครฝ่าฝืนต้องถูกดำเนินคดี

\"ยะลา\"สั่งเคอร์ฟิว ยกระดับมาตรการป้องกันโควิด ใครฝ่าฝืนต้องถูกดำเนินคดี

ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาจังหวัดยะลา มีการพบแพร่ระบาดใน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอเบตง และอำเภอกรงปินัง ซึ่งยังมีแนวโน้มเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ทางจังหวัดยะลาจึงมีความจำเป็นที่จะต้องยกระดับมาตรการ ซึ่งมาตรการที่ดีที่สุดคือการชะลอหรือหยุดการเคลื่อนไหวของประชาชนเพื่อไม่ให้นำเชื้อไปแพร่ตามที่ต่างๆ ดังนั้นการยกระดับมาตรการต้องทำพร้อมกันในทุกด้าน

\"ยะลา\"สั่งเคอร์ฟิว ยกระดับมาตรการป้องกันโควิด ใครฝ่าฝืนต้องถูกดำเนินคดี

ทั้งการคัดกรองผู้มีความเสี่ยงในพื้นที่ การตั้งด่านรอยต่อระหว่างจังหวัด และการเคอร์ฟิว ห้ามบุคคลออกนอกเคหะสถานตั้งแต่เวลา 22.00น.-04.00น. โดยจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ 1-18 พฤษภาคม 2564 

ขณะที่นายแพทย์สงกรานต์ ไหมชุม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา กล่าวว่า สถานการณ์ของโรค ณ ปัจจุบันมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 4 ราย ทำให้สะสมอยู่ที่ 39 ราย ซึ่งจะอยู่ในกลุ่มที่ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปสอบสวนโรคและคัดกรองเชิงรุกที่อำเภอกรงปินัง การระบาดขณะนี้อยู่ในวงที่ 2 คือกลุ่มของผู้สัมผัส ซึ่งวงที่ 1 จะเป็นกลุ่มของคนที่เดินทางกลับมาจากช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์ที่ผ่านมาเข้ามาแล้วเกิดการแพร่เชื้อกับในครอบครัว ส่วนที่อำเภอเบตง จะเป็นวงที่ 3 คือ เริ่มกระจายออกไปในชุมชน ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำคือจะต้องพยายามเคลียร์ภายในจังหวัดให้เร็วที่สุด เพื่อจะนำคนที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ระบบให้ได้มากและเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดการเสียชีวิต โดยขณะนี้เราพบผู้ป่วยที่เด็กที่มีอายุเพียง 4 ขวบ เป็นเด็กพิการที่อยู่กับบ้านและรับเชื้อมาจากพ่อแม่ที่นำมาจากข้างนอก ต้องมีมาตรการส่วนบุคคลที่เข้มแข็ง ทั้งการสวมหน้ากากและมาตรการที่ทางจังหวัดได้ออกประกาศไว้เพื่อจะช่วยกันป้องกันเมือง  

ทางด้านพลตำรวจตรีทินกร รังมาตย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ระบุว่า ตำรวจภูธรจังหวัดยะลา จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องบังคับใช้กฎหมายที่จะต้องมีการจับกุมผู้ไม่สวมหน้ากากในขณะที่อยู่ในที่สาธารณะ โดยในห่วงที่ผ่านมามีการจับกุมไปแล้วจำนวนทั้งสิ้น 4 ราย ในอำเภอเมือง 2 ราย

\"ยะลา\"สั่งเคอร์ฟิว ยกระดับมาตรการป้องกันโควิด ใครฝ่าฝืนต้องถูกดำเนินคดี

ซึ่งได้ส่งฟ้องศาลจังหวัดยะลาไปแล้ว และได้พิพากษาลงโทษปรับรายละ 2,000 บาทส่วนที่อำเภอยะรม ได้มีการดำเนินคดีเช่นกันส่งฟ้องศาลศาลและลงโทษปรับรายละ 1,000 บาท ส่วนมาตรการการเข้า-ออกจังหวัดก่อนเข้าเมืองยะลาจะมีการให้สแกนคิวอาร์โค้ดตั้งแต่งก่อนเข้าด่านและจะมีการลงรายละเอียดต่างๆก่อนที่จะเข้าสู่ตัวเมือง โดยทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และสาธารณสุข ที่จะร่วมกันใน 11 ด่านซึ่งจะมีความเข้มงวดและเข้มข้นขึ้น และมาตรการห้ามออกนอกเคหะสถานนั้น ก็จะเป็นการลดโอกาสที่จะลดการนำเชื้อเข้าไปสู่ครอบครัว

\"ยะลา\"สั่งเคอร์ฟิว ยกระดับมาตรการป้องกันโควิด ใครฝ่าฝืนต้องถูกดำเนินคดี

ขอให้พี่น้องประชาชนทุกท่านถือปฏิบัติตามมาตรการของจังหวัดยะลาที่จะมีการออกได้ประกาศ ซึ่งหากมีการกระทำความผิด ทางตำรวจจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องบังคับใช้กฎหมายเพื่อคนส่วนรวม

\"ยะลา\"สั่งเคอร์ฟิว ยกระดับมาตรการป้องกันโควิด ใครฝ่าฝืนต้องถูกดำเนินคดี

ที่มา
ข่าวสวทยะลา

 

ขอบคุณข้อมูลจาก ThaiNews

\"ยะลา\"สั่งเคอร์ฟิว ยกระดับมาตรการป้องกันโควิด ใครฝ่าฝืนต้องถูกดำเนินคดี