- 20 ก.ค. 2565
ประเทศไทยพบผู้ป่วยโอไมครอน สายพันธุ์ย่อย BA.2.75 เเล้ว1ราย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมเเล้ว
รายงานโควิดอัพเดทล่าสุด 20ก.ค.65 ทางศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เปิดเผยว่า ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2.75รายเเรกเเล้ว เบื้องต้นคาดหลบภูมิได้ดีกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ ดื้อวัคซีน ดื้อยา
โดยมีการรายงานว่า ประเทศไทยพบโอไมครอน สายพันธุ์ย่อย BA.2.75 แล้ว 1 รายในประเทศไทยที่จังหวัดตรัง ปรับปรุง 20/7/65 เวลา 7:07
-เก็บตัวอย่างโดยศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 12/1 ตรัง เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2565
-กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมและ upload ขึ้นบนฐานข้อมูลโควิดโลก “GISAID” เป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2565 (ภาพ1)
-มีการกลายพันธุ์ต่างไปจากไวรัสดั้งเดิม “อู่ฮั่น” ประมาณ 90 ตำแหน่ง (ภาพ2)
-พบ BA.2.75 อุบัติขึ้นครั้งแรกในอินเดีย ขณะนี้มีการแพร่ระบาดไปทั่วโลก นักวิทยาศาสตร์สามารถเก็บตัวอย่างถอดรหัสพันธุกรรมได้ 338 ราย (19/กค/2565)
-ถามว่าโอไมครอนBA.2.75 หลบภูมิเก่ง ดื้อวัคซีน ดื้อยา หรือไม่?
BA.2.75 กลายพันธุ์ไปถึง 100 ตำแหน่ง คาดว่าจะหลบภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์ก่อนได้ดี และดื้อต่อวัคซีนที่เตรียมจากไวรัสอู่ฮั่นดั้งเดิม และควรเลือกใช้ยาแอนติบิดีสังเคราะห์ (monoclonal antibody) ให้สอดคล้องกับโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยที่ผู้ป่วยติดเชื้ออยู่
ที่น่าสังเกตคือการระบาดของโควิด BA.2.75 ในประเทศอินเดีย, ประเทศต้นกำเนิดเมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2565 มีการระบาดไม่ยาวนาน ขณะนี้ใกล้จะสงบลงแล้ว (ภาพ 3) อาจสืบเนื่องมาจากในอินเดียมีการระบาดใหญ๋ของ BA.2 มาก่อน ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นอาจทำให้การระบาดของ BA.2.75 ซึ่งกลายพันธุ์มาจาก BA.2 ไม่ขยายวงกว้าง (ภาพ3) ประเทศไทยเองก็มีการระบาดใหญ่ของ BA.2 มาก่อนเช่นเดียวกัน (ภาพ4)
ประเทศสิงคโปร์ พบผู้ติดเชื้อ BA.2.75 สองรายแรกเดินทางกลับมาจากประเทศอินเดียเมื่อวันที่ 17 กค 2565 แยกกักตัวเอง ไม่มีอาการใดๆ กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์แถลงกับประชาชนว่ายังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ในขณะนี้ที่แสดงให้เห็นว่า BA.2.75 มีการติดเชื้อและอาการที่รุนแรง (virulence or severity) แตกต่างไปจากโอมิครอนสายพันธุ์อื่นที่ระบาดมาก่อนหน้านี้
cr.Center for Medical Genomics
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ thainewsonline