อุทธรณ์ยืนคุก 6 แกนนำพันธมิตรบุกทำเนียบ กำลังใจล้นหลาม!?! (มีคลิป)

อุทธรณ์ยืนคุก 6 แกนนำพันธมิตรบุกทำเนียบ กำลังใจล้นหลาม!?! (มีคลิป)

วันที่ 24 ก.ค. 60 ศาลอาญารัชดา  นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์  ในคดีที่พนักงานอัยการคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสุริยะใส กตะศิลา เป็นจำเลยที่ 1-6 ฐานร่วมกันบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์ จากกรณี เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2551 จำเลยกับพวกได้ปราศรัยชักชวนให้ประชาชนกดดันให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น)ลาออก แล้วปิดล้อมเข้าควบคุมทำเนียบรัฐบาล ห้ามราชการเข้าปฏิบัติหน้าที่ ทำลายทรัพย์สินได้รับความเสียหาย 
   
โดยคดีนี้ศาลชั้นต้น พิพากษาจำคุกจำเลยคนละ 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษให้1ใน3 คงจำคุกจำเลยไว้คนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ก่อนยื่นขอประกันตัวสู้คดีชั้นอุทธรณ์ ซึ่งเมื่อถึงเวลา นัด จำเลยทุกคนมาศาล และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัวนายสนธิ มาฟังคำพิพากษา

ศาลอุทธรณ์พิเคราะแล้วเห็นว่า โจทย์มีรองเลขาธิการ สำนักนายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการสำนักสถานที่ดูแลรักษาความเรียบร้อย สันติบาล 4ปาก เบิกความถคงรายละเอียดเฟตุการที่ จ. ทั้ง6ที่เป็นแกนนำ และผู้ชุมนุม ที่เข้าไปในทำเนียบรัฐบาลและได้นำรถ6ล้อเข้าไปตั้งเวทีปราศรัย หน้าสนามหญ้าทำเนียบนัฐบาล มีการตัดโซ่ที่คล้องประตูสองชุ้นรวมทั้งผลักดันแผงเหล็กกะนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดไว้ เพื่อำอรักษาความปลอดภัย ซึ่งการกระทำนั้นส่งผลให้ เกิดความเสียหายต่อระบบรดน้ำ  ,สนามหญ้าที่ตายทั้งหมด และระบบไฟในสนามหญ้า ศาลจึงเห็นว่าการกระทำของจำเลยนั้นเป็นการกระทำฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ซึ่งเป็นความผิดกรรมเดียวสทบเนื่องกันแต่ผิดกฎหมายหลายบท การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาฐานบุกรุกนั้นชอบแล้ว ส่วนที่จำเลยขอให้ศาลลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ โดยอ้างเหตุ ว่าจำเลยเป็นผู้มีการศึกษา มีสถานะทางสังคม และได้ทำงานสังคม อีกทั้งไม่เคยต้องโทษในคดีอาญามาก่อน กับการชุมนุทนั้นก็เป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะนั้น ศาลเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการบุกรุกทำเนียบรัฐบาลซึ่งเป็นสถานที่ราชการ ซึ่งการที่จำเลยจะใช้เสรีภาพนั้นก็จะต้องไม่กระทบต่ออำนาจหน้าที่อื่น และเพื่อไม่ให้การกระทำของจำเลยนั้นเป็นเยี่ยงอย่าง แต่เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของพวกจำเลยมิได้เป็นประโยชน์เพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตน จึงเห็นควรพิพากษาลงโทษให้เหมาะสมกับพฤติการณ์จึงพิพากษาแก้ จากเดิมที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 2 ปี ให้เป็นจำคุก1ปี โดยลดโทษให้1ใน3 คงจำคุกจำเลยทั้ง6 เป็นเวลาทั้งสิ้น 8เดือนโดยไม่รอลงอาญา

ต่อมา นายสุวัฒน์ อภัยภักดิ์ ทนายความเปิดเผยว่า เตรียมยื่นหลักทรัพย์ สำหรับ5แกนนำ คนละไม่เกิน1แสนบาท ส่วนนายสนธิ ไม่ได้ยื่นเนื่องจากถูกจำคุกในคดีอื่น โดยจะพยายามยืนฎีกาต่อสู้คดีให้ทันภายในวันนี้ ด้านบรรยากาศ มีประชาชนเข้าร่วมฟังคำพิพากษาและให้กำลังใจจำเลยเป็นจำนวนมากกว่า 50 คนจนล้นห้องพิจารณาคดี