- 01 ส.ค. 2559
ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th
ความคืบหน้าการพิจารณาความผิดอันเกี่ยวเนื่องกับผลการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ล่าสุด มล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังนายจิรชัย มูลทองโร่ย รองปลัดประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและความผิดทางละเมิด เข้ารายงานตัวเลขความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว ว่า ตนได้รับตัวเลขจากนายจิรชัย เพื่อจะรายงานให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ในวันที่ 3 ส.ค.59 โดยตัวเลขที่ได้รับการยืนยันพบว่า ความเสียหายจากการบริหารจัดการโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่ที่ 286,639 ล้านบาท ส่วนของ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์และพวก อยู่ที่ 18,743 ล้านบาท
"ตัวเลขการระบายข้าวในสต็อกของฝ่ายบริหารในอดีต มีการรับมอบข้าวเข้ามาจำนวน 13.3 ล้านตัน แต่ส่งออกไปยังต่างประเทศไม่ถึง 1 ล้านตัน คงค้างในคลัง 13 ล้านตัน ยืนยันเราทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ ตรงไปตรงมา ไม่เคยมีคำสั่งที่ลำเอียงหรือเลือกปฏิบัติทั้งสิ้น จึงขอเตือนใจข้าราชการต้องไม่ทำตามอำเภอใจ บทเรียนในครั้งนี้จะสอนให้ข้าราชการใหม่ๆต่อไป ว่าข้าราชการต้องเป็นหลักไม่ใช่ทำอะไรตามอำเภอใจ"
ส่วนตัวเลขความเสียหายดังกล่าวจะใช้ออกคำสั่งเรียกค่าเสียหายทางแพ่งกับบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือไม่ มล.ปนัดดา กล่าวว่า ขณะนี้เป็นตัวเลขที่ผ่านขั้นตอนที่พิจารณาด้วยความรอบคอบถี่ถ้วนจากทุกภาคส่วนที่ร่วมประชุมแล้ว ขณะที่ความรับผิดชอบนี้เป็นเรื่องของภาพรวมที่จะเกิดและส่งผลกระทบต่อประเทศไทยและประชาชน ดังนั้นผลได้ผลเสียทุกอย่างเป็นสิ่งเตือนใจว่าการทำงานอะไรก็ตามของภาครัฐ ถ้าเกิดขึ้นจากหน่วยงานหนึ่งหน่วยงานใด ผลที่ตามมาต้องรับผิดชอบร่วมกัน
ด้านนายจิรชัย กล่าวว่า การเข้าพบมล.ปนัดดา เป็นรายงานสถานการณ์เรื่องข้าวโดยแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ความเสียหายในส่วนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จำนวน 2 แสนกว่าล้านบาท ซึ่งเคยให้การต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไปแล้ว และเป็นตัวเลขที่ต้องรอคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง ที่มีอธิบดีกรมบัญชีกลางเป็นประธาน ต้องพิจารณาอีกรอบหนึ่ง ส่วนกรณีของนายบุญทรง เป็นค่าเสียหายจากการขายข้าวแบบจีทูจี จำนวน 1.8 หมื่นล้านบาท แต่คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง พิจารณาแล้วเห็นว่าควรปรับเพิ่มเรียกค่าเสียหายกับผู้ที่เกี่ยวข้องเป็น 2 หมื่นล้านบาท และรวมถึงเรื่องการระบายข้าวในสต็อกข้าวและข้าวคงเหลือในสต็อกของรัฐบาลในอดีต โดยทั้งหมดจะมีการรายงานต่อที่ประชุม นบข.รับทราบอีกครั้ง ในวันที่ 3 ส.ค.