ไทยแลนด์สตรองเกินใจคนคิดชั่ว!!  ภาคศก.เอกชนประสานเสียงเหตุบึ้มไม่กระทบรุนแรง เป้านทท.พุ่ง 33 ล้านคน

ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th

      จากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดภาคใต้  นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวแสดงความเห็นว่า เรื่องดังกล่าว ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจของประเทศ เพราะยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน แต่ทางคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบันหรือ กกร. ยังคงประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ว่า จะขยายตัวในระดับ 3-3.5 %   ขณะเดียวกันทางภาคเอกชน จะยังคงติดตามผลการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่มีข้อมูลมากที่สุดสำหรับการดูแลสถานการณ์ประเทศต่อไป

     

      “ส.อ.ท.จะคอยติดตามผลการทำงานของเจ้าหน้าที่ หากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง สามารถควบคุมสถานการณ์ให้จบได้เร็ว สามารถนำตัวผู้ทำผิดมาลงโทษได้ เหตุการณ์ระเบิดหลายจุดที่เกิดขึ้นก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้ประกอบการในประเทศในภาพรวม    ประกอบกับเหตุการณ์ในลักษณะนี้ เคยเกิดขึ้นในหลายประเทศมาก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งที่ตุรกี ฝรั่งเศส ไม่ใช่เพียงแต่ประเทศไทยเท่านั้น จึงขอให้ทุกฝ่ายมีสติไว้”

     ทางด้านนายกลินท์ สารสิน รองประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เชื่อว่าจะส่งผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น และเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ ทหารและตำรวจ จะสามารถคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับมาปกติได้โดยเร็ว จึงเชื่อว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมมากนัก

         

      ขณะที่นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เหตุการณ์ระเบิดในพื้นที่หลายจังหวัดเบื้องต้น ค่อนข้างมั่นใจได้ว่า ไม่ใช่เหตุการณ์ก่อการร้ายระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจะต้องดำเนินการสอบสวนต่อไปว่า เป็นการขยายพื้นที่ก่อเหตุจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ หรือเป็นการฉวยโอกาสจากกลุ่มผู้หวังผลจากสถานการณ์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ก็เชื่อว่าเป็นการก่อเหตุที่มาจากกลุ่มภายในประเทศ ส่วนผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยจะมีเพียงระยะสั้นเท่านั้น และเชื่อว่าผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจจะมีมูลค่าไม่เกิน 1,000 ล้านบาท และสถานการณ์จะคลี่คลายได้เร็ว

     ส่วนทางด้าน  นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า)  ยืนยันว่าเหตุการณ์วางระเบิดในครั้งนี้  จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวเพียงระยะสั้นเท่านั้น เพราะมีการทำในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ของประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินความเสียหายต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะต้องติดตามสถานการณ์ในสัปดาห์หน้า พร้อมติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองหน่วยงานความมั่นคงของประเทศ และ มั่นใจว่าปริมาณนักท่องเที่ยวจะยังคงมียอดเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่อยู่ในระดับ 30 ล้านคน เพิ่มเป็น 33 ล้านคนในปีนี้ หรือจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 13 โดยในจำนวนนี้กว่า 10 ล้านคนเป็นนักท่องเที่ยวจีน  ส่วนตัวเลขการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวคาดว่า ปี 59 จะมียอดรวมประมาณ 2.5 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มียอดใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว 2.2 ล้านล้านบาท โดยในจำนวนนี้ เป็นคนไทยเที่ยวภายในประเทศเองคิดเป็น 40%