- 18 พ.ย. 2559
ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th
เป็นอีกหนึ่งนัดสำหรับการเบิกความฝ่ายจำเลย (น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ตามคดีหมายเลขดำ อม.22/2558 ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท
โดยวันนี้ ( 18 พ.ย.) เป็นคิวของนายอำพน กิตติอำพน อดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย อดีต รมช.คลัง โดยมีนายชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวนคดีจำนำข้าว พร้อมองค์คณะรวม 9 คน รับฟังการให้ปากคำที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ขณะที่นายทนุศักดิ์ เบิกความสรุปว่า ในฐานะเป็นรมช.คลัง รวมถึงทำหน้าที่กำกับดูแลธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ในฐานะประธานกรรมการ ให้การยืนยันว่านโยบายจำนำข้าวมีการกำหนดกรอบวงเงินไว้ 5 แสนล้านบาท จะมีการใช้เงินเกินกรอบไม่ได้ เพราะหากใช้เงินเกินจะทำผิดมติครม. ส่วนกรณีที่มีการอ้างถึงตัวเลขการใช้เงินในโครงการเกินกว่า 8 แสนล้าน ซึ่งถือเป็นการกระทำผิดมติครม.นั้น ต้องถือเป็นคนละกรณีเพราะ 8 แสนล้านเป็นวงเงินประมาณในการแต่ละรอบฤดูกาลจำนำข้าว แต่ท้ายสุดทุกสิ้นปีรัฐบาลก็ต้องทำให้ตัวเลขการใช้เงินงบประมาณลดลงมาเหลือไม่เกิน 5 แสนล้านบาท
ส่วนเรื่องดอกเบี้ยเงินกู้ที่มีตัวเลขสูงปีละ 12,000 ล้านบาทนั้น นายทนุศักดิ์ระบุว่า รัฐบาลในขณะนั้นไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าจะพุ่งสูงถึงระดับนั้น เพราะไม่เคยคิดว่าจะมีการรัฐประหาร ซึ่งถ้ามีการปล่อยให้รัฐบาลมีโอกาสทำงานต่อ ตนเชื่อว่าดอกเบี้ยเงินกู้จะไม่สูงขนาดนั้น เพราะรัฐบาลคงระบายข้าวหมดตั้งแต่ปี 2558 แล้ว ที่สำคัญการดำเนินนโยบายรับจำนำซึ่งถูกนำวิพากษ์วิจารณ์เรื่องผลกำไร ขาดทุน คนเห็นว่าการที่รัฐบาลในขณะนั้นคิดต้นทุนข้าวสารกิโลกรัมละ 24 บาท แต่ขายออกราคากิโลกรัมละ13บาท เป็นเรื่องแนวทางการบริหารจัดการให้เกิดความสมดุล อีกทั้งการระบายข้าวถ้ามัวแต่มาคิดว่าทำนโยบายจะได้กำไรเท่าไร ต่อไปอาจไม่มีใครกล้าคิดทำนโยบายลักษณะแบบนี้แล้ว ทั้งที่ความเป็นจริงการขายข้าวได้ราคาเท่าไรนั้นต้องดูกลไกตลาดในขณะนั้นเป็นหลัก
“ถ้าเราคิดว่าต้นทุนแพง การคิดที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างชีวิตใหม่ให้ประชาชนได้เกิดใหม่คงเป็นไปไม่ได้ สำหรับโครงการนี้ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ใช้เงินในโครงการทั้งหมด 8.7 แสนล้านบาท เป็นดอกเบี้ย 3.6 หมื่นล้านบาท ตลอดข้าว 5 ฤดูกาลมียอดค้างชำระเงินกู้ 4.1 แสนล้านบาท ไม่เกินกรอบที่กำหนดไว้ ขณะเดียวกันครม.ยังได้มีการรวบรวมข้อมูลเสนอแนะจากหน่วยงานต่างๆในโครงการรับจำนำข้าว เพียงแต่ข้อมูลไม่ตรงกันเกี่ยวกับเรื่องคำนวณมูลค่าราคาสินค้าจากข้อเสนอแนะของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการท้วงติง”
ส่วนเรื่องปัญหาการสวมสิทธิ์ข้าว นายทนุศักดิ์ เบิกความว่า เป็นเรื่องทำได้ยากเพราะเป็นการโอนเงินเข้าบัญชีชาวนาโดยตรงตามใบประทวน และยังมีประชาคมหมู่บ้านคอยตรวจสอบก่อนผ่าน ธ.ก.ส.รับรองอีกครั้ง แต่กรณีที่มีการอ้างถึงว่าจ้าของโรงสีส่งหน้าม้ามาบีบคั้นชาวนา เรื่องนี้ตนไม่ทราบ โดยคิดว่าคงเป็นเรื่องส่วนบุคคลซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ดำเนินคดีในเรื่องนี้อยู่แล้ว เช่นเดียวกับเรื่องที่มีชาวนาฆ่าตัวตายจากการจ่ายเงินล่าช้านั้น ต้องยอมรับว่ามีเกิดขึ้นจริง แต่ไม่ใช่ความผิดรัฐบาลในทางตรงข้ามเป็นเพราะมีผู้ประท้วงปิดหลายหน่วยงานทำให้เกิดผลกระทบในการจ่ายเงินช่วยชาวนาของรัฐบาลมากกว่า
นอกจากนี้ นายทนุศักดิ์ ยังกล่าวถึงเรื่องหนังสือท้วงติงจากหน่วยงานอย่าง สตง.เสนอให้รัฐบาลใช้ข้อมูลการตรวจสอบไปปรับปรุงโครงการเพิ่มมาตรการตรวจสอบทุจริต และเพิ่มประสิทธิภาพ ว่า โดยข้อเท็จจริงทาง ครม.ได้รับฟังความเห็นจากหน่วยงานต่างๆ และตั้งคณะกรรมการตรวจสอบโดยตลอด อย่างเรื่องการสวมสิทธิก็มีการตรวจสอบพบกว่า 200 รายจาก 1 ล้านราย ส่วนเรื่องที่ ป.ป.ช.เสนอให้ยกเลิกโครงการโดยใช้งานวิจัยจากทีดีอาร์ไอ พบว่าทางยุทธศาสตร์ได้รับฟังข้อเสนอแนะโดยตลอด แต่ก็พบว่างานวิจัยดังกล่าวมีการเสนอแนะให้ยกเลิกมาตั้งแต่เริ่มโครงการ ขณะที่ข้อเสนอแนะจากหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องไม่ได้เสนอให้ยกเลิกโครงการ แต่เป็นการเสนอแนะปรับปรุงเพื่อป้องกันความเสียหาย
เรียบเรียงโดย : ชัชรินทร์ สำนักข่าวทีนิวส์