นึกไม่ถึง...จะมีเวียนเทียนข้าว!!! "ฑิฆัมพร"  อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ  โพล่งเองกลางศาลฎีกาฯ  โดนซักหนักมัดค้าข้าวจีทูจีเก๊ ??

ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th

ถือเป็นปมร้ายลึกที่นับวันจะยิ่งระทึกด้วยการติดตามว่าสุดท้ายของการพิจารณาคดีทุจริตโครงการจำนำข้าวที่เกี่ยวเนื่องกับนักการเมืองพรรคเพื่อไทยจะจบลงอย่างไร  ล่าสุดในเพจเฟซบุ๊กของ นายสมชาย แสวงการ  สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ  ได้ โพสต์ข้อความว่า   “ยิ่งขึ้นศาล  ยิ่งชัดและมัดแน่น  คดีทุจริตจำนำข้าว  นึกไม่ถึงว่าจะมีการเวียนข้าว!  อดีตรองอธิบดีกรมการค้าฯแจงศาลคดีจีทูจีเก๊ ...”

 

ทั้งนี้มีข้อมูลประกอบของ “สำนักข่าวอิศรา”   ระบุว่า    ในการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สำหรับการไต่สวนพยานฝ่ายจำเลย ในคดีที่อัยการสูงสุด  (อสส.)   เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์  อดีต รมว.พาณิชย์ กับพวก รวม 28 ราย เป็นจำเลย กรณีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยมิชอบ  

 

ปรากฏว่า  นายฑิฆัมพร  นาทรวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์  พยานฝ่ายจำเลย  และเป็น  1 ใน 3 ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ (       1. นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ  2. นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ 3. นายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ ที่ถูกอ.ก.พ. กระทรวงพาณิชย์ มีมติไล่ออกเนื่องจากเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว กรณีการขายข้าวแบบ จีทูจี )
       

ได้เบิกความตอนหนึ่ง    โดยอ้างว่ากระบวนการการขายข้าวแบบจีทูจีกับจีนเป็นกระบวนการขายให้กับรัฐวิสาหกิจที่ประเทศจีนถือหุ้น   100%     ดังนั้นจึงถือได้ว่าเป็นรัฐบาลจีนที่ถูกต้องและในการดำเนินงานขายข้าวตามนโยบายรัฐบาลยังยึด 3 หลักการสำคัญ คือ  ตามกรอบยุทธศาสตร์ข้าวแห่งชาติ  ทำให้การระบายข้าวในคลังได้รวดเร็ว และเพื่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังนั้นไม่ว่ารัฐวิสาหกิจจากไหนเข้ามา ถ้าถือหุ้นโดยรัฐบาลประเทศนั้น 100% ก็ถือว่าเป็นตัวแทนรัฐบาลหมด

 

อย่างไรก็ตามเมื่ออัยการได้ซักถามกรณีการระบายข้าวจีทูจีใน 4  สัญญากับ Guangdong stationery &sporting good imp.&exp. Corp.  หรือ GSSG) และบริษัท Hainan grain and oil industrial TRADING COMPANY  ซึ่งเป็น 2 รัฐวิสาหกิจจีนนั้น  ทราบหรือไม่ว่า  ขณะนี้ข้าวไปอยู่ที่ไหน  นายฑิฆัมพร เบิกความสรุปว่า   ในการทำสัญญาจีทูจีทั้ง  4 สัญญาดังกล่าว  เท่าที่ทราบคือ ข้าวไปอยู่ที่คิวบา   แต่ไม่ทราบว่า สาเหตุที่ไปอยู่คิวบานั้น  ประเทศจีนดำเนินการอย่างไร เป็นการขาย หรือเป็นการบริจาค แต่ในสัญญาขายข้าวจีทูจี ไม่ได้ระบุว่า ห้ามนำไปให้ประเทศที่ 3 แต่อย่างใด

 

และเมื่ออัยการซักถามกรณีการขายข้าวแบบจีทูจีดังกล่าว มีการใช้วิธีแบบ Exware House (ซื้อขายหน้าคลังสินค้า)  อาจเป็นการเปิดช่องให้มีการเวียนขายข้าวภายในประเทศหรือไม่  นายฑิฆัมพร เบิกความสรุปได้ว่า  ส่วนตัวไม่รู้เรื่องนี้   เนื่องจากระหว่างทำการเจรจาทำสัญญาซื้อขายแบบจีทูจี   ตนก็ทำไปตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา  เหมือนกับสิ่งตนทำมาโดยตลอดในฐานะข้าราชการมาหลายสิบปี โดยไม่ทราบว่ามีการเวียนข้าวตามที่อัยการกล่าวถึง  และวิธี  Exware House จะทำให้เกิดปัญหาการนำข้าวมาเวียนขายภายในประเทศ  รวมถึงไม่นึกว่าการทำวิธีนี้จะเกิดการเวียนข้าว เนื่องจากแค่ทำไปตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น

 

ก่อนหน้านั้นนายวิชา  มหาคุณ  กรรมการปปช.   ได้อธิบายการไต่สวนพยานหลักฐานการตรวจสอบคำร้องการทุจริตโครงการระบายข้าวจีทูจี   พบว่านายบุญทรง นายภูมิ นายมนัส กับพวก  มีเจตนากระทำผิดกฎหมาย โดยการทุจริตการระบายข้าวแบบจีทูจี  ไม่อาจทำได้โดยลำพัง  ต้องอาศัย 3 ฝ่าย ได้แก่ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้าราชการประจำ และนักธุรกิจ มาร่วมกันวางแผน แบ่งหน้าที่ในการทุจริต ให้รัฐวิสาหกิจของจีน 2 แห่ง ประกอบด้วยบริษัท Guangdong stationery &sporting good imp.&exp. Corp. (GSSG) และบริษัท Hainan grain and oil industrial TRADING COMPANY เข้ามาทำสัญญากับกรมการค้าต่างประเทศ โดยแอบอ้างว่าเป็นตัวแทนรัฐบาลจีน ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด อีกทั้งทั้ง 2 บริษัทก็ไม่มีหน้าที่ในการซื้อขายข้าว เหมือนกับ COFCO การดำเนินการนี้ เพื่อให้ซื้อข้ายได้ในราคาถูก เพื่อนำมาเวียนเทียนต่อภายในประเทศ

 

ทั้งนี้ การทำสัญญาแบบ G to G กับทั้ง 2 บริษัท มีด้วยกัน 4 สัญญา ประกอบด้วย

 

1. บริษัท GSSG ซื้อข้าวเก่า ปริมาณ 2.1 ล้านตัน จำนวนเงิน 18,208 ล้านบาท มีนายสมคิด เอื้อนสุภา และนายรัฐนิธ โสจิระกุล ตัวแทนของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เป็นผู้รับมอบอำนาจ

 

2. บริษัท GSSG ซื้อข้าวใหม่ ปริมาณ 2 ล้านตัน จำนวนเงิน 28,988 ล้านบาท มีนายสมคิดและนายรัฐนิธ ตัวละครเดียวกัน เป็นผู้รับมอบอำนาจ

 

3. บริษัท GSSG ซื้อข้าวนาปรัง ปีการผลิต 2555 ปริมาณ 2.3 ล้านตัน จำนวนเงิน 22,505 ล้านบาท มีนายสมคิดและนายรัฐนิธเป็นผู้รับมอบอำนาจ

 

และ 4. บริษัท Hainan ซื้อข้าวนาปี ปีการผลิต 2554/2555 และข้าวนาปรัง ปีการผลิต 2555 ปริมาณ 6.5 หมื่นตัน จำนวนเงิน 847 ล้านบาท มีนายลิตร พอใจ ตัวแทนของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เช่นกัน เป็นผู้รับมอบอำนาจ

 

ประการสำคัญจากการไต่สวนพบว่า  การซื้อข้าวจากบริษัท 2 แห่งที่อ้างว่าเป็นผู้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลจีน ไม่มีการส่งออกจริง แต่เวียนขายในประเทศ โดยขายต่อให้บริษัทไทย 4 แห่ง ได้แก่ บริษัท นครหลวงค้าข้าว จำกัด, บริษัท แคปิตอลซีเรียล จำกัด, บริษัท เอเชียโกลเด้นไรซ์ จำกัด และบริษัท ไทยฟ้า (2511) จำกัด ซึ่งทุกบริษัทให้ถ้อยคำเป็นประโยชน์ ป.ป.ช. จึงมีมติให้กันไว้เป็นพยาน โดยบริษัทเหล่านี้ถูกผู้มีอำนาจบีบให้ทำสัญญาซื้อขายข้าว ด้วยการส่งมอบแบบ ex-warehouse จึงไม่ใช่การส่งออก มีการชำระเงินเป็นเช็คเงินสด 29,964 ล้านบาท ให้กับกรมการค้าต่างประเทศ โดยไม่ปรากฏว่าเงินที่นำมาชำระมาจากบริษัท GSSG หรือบริษัท Hainan แต่อย่างใด และข้อเท็จจริงจากการไต่สวนของกรมศุลกากร ก็ไม่ปรากฎว่าบริษัท GSSG และบริษัท Hainan ได้ส่งออกข้าวออกจากราชอาณาจักร จึงไม่ใช่การขายข้าวแบบ G to G แต่อย่างใด

 

 

เรียบเรียงข่าว  :  ชัชรินทร์  สำนักข่าวทีนิวส์

 

ขอบคุณข้อมูล :  สำนักข่าวอิศรา    http://www.isranews.org/isranews-news/item/52353-weintean.html