ข้อเท็จจริงทนโท่..!! เด็กป.4  ยังรู้  “อ้ายปึ้ง” ฝืนระเบียบกต. กระหือรือคืนพาสปอร์ตให้ “นช.ทักษิณ” ผิดตามข้อกล่าวหาหรือไม่??

ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th

ถือเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า เมื่อมีคำยืนยันจาก  นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช. ว่าจะมีการพิจารณาคำร้องของปปช.ให้ถอดถอน นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรมว.ต่างประเทศ กรณีออกออกหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ต ให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  ในวันที่ 9  มี.ค.นี้

ทั้งนี้ประเด็นที่นำส่งสนช.พิจารณาถอดถอนนายสุรพงษ์  มีการระบุถึงการกระทำตามมูลความผิดอาญาฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มาตรา 157 และผิดกฎหมาย ป.ป.ช. รวมทั้งขัดต่อมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2551  

 

สืบเนื่องจากกนายสุรพงษ์  ได้อนุมัติการออกหนังสือเดินทางให้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกศาลสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศ และถูกออกหมายจับในคดีก่อการร้าย และคดีอื่น ๆ ซึ่งขัดต่อระเบียบข้อบังคับกระทรวงการต่างประเทศ ว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ.2548 ข้อ 21 (2) (3) และ (4)

 

แน่นอนว่ากับพฤติการณ์ของนายสุรพงษ์ที่นำมาสู่การพิจารณาความผิดดังกล่าว  นอกเหนือจากการดำเนินการในส่วนของสนช.แล้ว  ยังมีการยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดให้ดำเนินคดีอาญากับนายสุรพงษ์อีกด้วย  แต่ประเด็นปัญหาคือ  การกระทำของนายสุรพงษ์ถือเป็นความผิดตามข้อกล่าวหาหรือไม่  มีข้อพิจารณาประกอบดังนี้

 

ข้อเท็จจริงทนโท่..!! เด็กป.4  ยังรู้  “อ้ายปึ้ง” ฝืนระเบียบกต. กระหือรือคืนพาสปอร์ตให้ “นช.ทักษิณ” ผิดตามข้อกล่าวหาหรือไม่??

1.ในยุครัฐบาล  นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯและมี นายกษิต ภิรมย์ เป็น รมว.ต่างประเทศ ได้มีการพิจารณายกเลิกพาสปอร์ตทุกเล่มของ นายทักษิณ เนื่องจากระเบียบของกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ.2548 ในหมวด 7 ว่าด้วยการปฏิเสธหรือยับยั้งคำขอหนังสือเดินทางข้อ 21 ระบุว่า พนักงานเจ้าหน้าที่สามารถปฏิเสธหรือยับยั้งการขอหรือแก้ไขหนังสือเดินทางได้ด้วยกรณีดังนี้

 

“เมื่อได้รับแจ้งว่าผู้ร้องขอทำหนังสือเดินทางเป็นผู้ซึ่งกำลังรับโทษในคดีอาญาหรืออยู่ระหว่างการปล่อยตัวชั่วคราวหรือเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาที่ได้มีการออกหมายจับไว้แล้ว  รวมถึงศาลหรือพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจเห็นว่าไม่ควรจะออกหนังสือเดินทางให้ หรือเมื่อผู้ร้องกระทำผิดกฏหมาย  หรือระเบียบปฏิบัติทางราชการ ซึ่งขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือปิดบังความจริงอันเป็นสาระสำคัญหรือแสดงเอกสารหลักฐานอันเป็นเท็จในการขอหนังสือเดินทางหรือไม่อยู่ในฐานะที่จะเดินทางไปต่างประเทศได้หรือหากเดินทางออกนอกราชอาณาจักรจะเป็นภัยต่อสวัสดิภาพของผู้เดินทางเองหรือจะกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงปลอดภัยหรือชื่อเสียงและเกียรติภูมิของประเทศไทย”

 

2.ในยุครัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  เป็นนายกฯ  และมี  นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เป็นรมว.ต่างประเทศ   ได้ดำเนินการยกเลิกคำสั่งของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์   ว่าด้วยการยกเลิกหนังสือเดินทางประเภทบุคคลธรรมดาของนายทักษิณ  ภายหลังจากนายทักษิณ  ได้ยื่นคำร้องขอทำพาสปอร์ต ประเภทบุคคลธรรมดา มายังสถานเอกอัครข้าราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

 

“หนังสือเดินทางของนายทักษิณ ได้ถูกยกเลิก เมื่อวันที่ 12 เม.ย.2552 ตามนโยบายรัฐบาลชุดที่ผ่านมา โดยอ้างระเบียบของกระทรวงการต่างประเทศ ว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง ข้อ 23 (7) ที่ระบุว่า พนักงาน เจ้าหน้าที่ สามารถยกเลิกและคืนหนังสือเดินทาง เมื่อเห็นว่าบุคคลผู้ถือพาสปอร์ต ก่อให้เกิดความเสียหาย และความมั่นคงให้ประเทศไทย หรือ ต่างประเทศ  แต่ด้วยรัฐบาลชุดปัจจุบันเห็นว่าการอยู่ต่างประเทศของ นายทักษิณ ไม่ได้ก่อความเสียหายให้แก่ประเทศไทย หรือต่างประเทศ ตามระเบียบของกระทรวงการต่างประเทศ ว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง ข้อ 23 (7) จึงขอให้ยกเลิกคำสั่งที่ออกมาจากรัฐบาลชุดที่แล้ว  ส่วนการออกหนังสือเดินทางประเภทบุคคลธรรมดาให้กับนายทักษิณ   เป็นเรื่องที่กรมการกงสุลจะพิจารณาตามระเบียบต่อไป” (คำให้สัมภาษณ์ของนายสุรพงษ์) 

 

3.การพิจารณายกเลิกคำสั่งว่าด้วยการยกเลิกพาสปอร์ตของนายทักษิณ  มีความเกี่ยวโยงกับนายสุรพงษ์ ในฐานะรมว.ต่างประเทศหรือไม่ ?? 

 

 ปรากฎข้อเท็จจริงจากการให้สัมภาษณ์ของนายสุรพงษ์หลายวาระ อาทิ  “การดำเนินการคืนพาสปอร์ตธรรมดาให้กับนายทักษิณคงจะเสร็จสิ้นในเร็ว ๆ นี้   และถ้าจะเป็นของขวัญปีใหม่ให้นายทักษิณได้ก็จะดี   โดยเชื่อว่าไม่มีการต่อต้าน เพราะเป็นเรื่องของข้อกฎหมาย การออกพาสปอร์ตเป็นกฎของกระทรวง และเป็นอำนาจของรัฐมนตรีที่จะดูแลเรื่องนี้ เป็นระเบียบของกระทรวงอยู่แล้วว่าการที่จะยกเลิกพาสปอร์ตจะมีกฎเกณฑ์ของกระทรวงว่ามีข้อที่เท่าไหร่ที่ทำได้หรือไม่ได้ อย่างไร และการที่พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกยึดพาสปอร์ตไปนั้นก็ไม่ได้มีคำสั่งศาลหรือตำรวจให้ยึดคืน แต่เป็นอำนาจของรัฐมนตรี ซึ่งในสมัยนั้นก็คืออำนาจของนายกษิต ภิรมย์ อดีตรมว.ต่างประเทศ ซึ่งเป็นข้อกฎหมาย ของกฎกระทรวง และตนกำลังดูข้อกฎหมายนี้อยู่”

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หมายความว่าจะใช้อำนาจรัฐมนตรีต่างประเทศในการคืนพาสปอร์ตให้นายทักษิณ ใช่หรือไม่  นายสุรพงษ์  ในฐานะรมว.ต่างประเทศ   กล่าวว่า  ถูกต้อง เป็นการใช้อำนาจตามกฎหมาย  ตนอยากจะทำอะไรให้มันถูกต้อง จะไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย

 

4.ในการออกหรือเพิกถอนหนังสือเดินทาง กระทรวงการต่างประเทศ   มีระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ. 2548  โดยอาศัยอำนาจตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ พ.ศ. 2545  ที่ต้องยึดถือปฏิบัติ

 

เริ่มจากการที่นายทักษิณมีสิทธิที่จะได้หนังสือเดินทางทูต(ระเบียบข้อ 6 (5)) และในฐานะประชาชนก็มีสิทธิที่จะได้หนังสือเดินทางของบุคคลทั่วไป (พาสปอร์ตแดง-ระเบียบข้อ 13)

 

แต่ขณะเดียวกันระเบียบดังกล่าว  ได้ให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่สามารถยกเลิกและเรียกคืนหนังสือเดินทางได้  (ระเบียบข้อ 23) เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่เมื่อปรากฏภายหลังว่า

 

(1) ผู้ถือหนังสือเดินทางเป็นผู้ซึ่งขาดคุณสมบัติที่จะขอหนังสือเดินทางประเภทนั้น

(2) ผู้ถือหนังสือเดินทางเป็นบุคคลซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่อาจออกหนังสือเดินทางให้ดังกรณีต่อไปนี้

 

หนึ่ง เมื่อได้รับแจ้งว่าผู้ร้องเป็นผู้ซึ่งกำลังรับโทษในคดีอาญา หรืออยู่ระหว่างการปล่อยตัวชั่วคราว หรือเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาที่ได้มีการออกหมายจับไว้แล้ว ซึ่งศาลหรือพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจเห็นว่าไม่ควรจะออกหนังสือเดินทางให้

 

สอง เมื่อผู้ร้องเป็นผู้ที่ศาลหรือเจ้าพนักงานซึ่งมีอำนาจตามกฎหมายอื่นสั่งห้ามไม่ให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร

สาม เมื่อผู้ร้องกระทำผิดกฎหมายหรือระเบียบปฏิบัติทางราชการ ซึ่งขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือปิดบังความจริงอันเป็นสาระสำคัญ หรือแสดงเอกสารหลักฐาน

 

(3) มีเหตุอันเชื่อได้ว่า ผู้ถือหนังสือเดินทางได้หนังสือเดินทางนั้นมาโดยมิชอบ

(4) หนังสือเดินทางนั้นได้มีการแจ้งว่าสูญหายต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่เกิดเหตุแล้ว หรือ

ผู้ถือได้ร้องขอให้ยกเลิกเพื่อขอหนังสือเดินทางชนิดเดียวกันเล่มใหม่

(5) หนังสือเดินทางนั้นอยู่ในความครอบครองของบุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่ผู้ถือหนังสือเดินทาง

โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร

(6) ทางราชการได้ทดรองจ่ายเงินช่วยเหลือส่งตัวผู้ถือหนังสือเดินทางกลับประเทศไทยและ

ผู้ถือได้ทำสัญญากับทางราชการว่า จะชดใช้เงินจำนวนที่ทางราชการได้ทดรองจ่ายไปคืนให้ทางราชการ แต่ผู้ถือยังไม่ได้ชดใช้เงินคืนให้แก่ทางราชการจนครบตามเงื่อนไขในสัญญา

(7) พิจารณาเห็นว่า หากให้ผู้ถือหนังสือเดินทางยังคงอยู่ในต่างประเทศต่อไป อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศไทยหรือต่างประเทศได้

 

และจากพฤติการณ์ของนายทักษิณในฐานะนักโทษหลบหนีคำพิพากษาจำคุก   และยังเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลฎีกาฯอีกหลายคดี      ย่อมถือว่าเข้าข่ายที่พนักงานเจ้าหน้าที่จะยกเลิกหนังสือเดินทางตามระเบียบที่กำหนด    แต่ในทางกลับกันข้อกล่าวอ้างของนายสุรพงษ์ว่าด้วยเหตุ   การอยู่ต่างประเทศของ นายทักษิณ  ไม่ได้ก่อความเสียหายให้แก่ประเทศไทย หรือต่างประเทศ  ตามระเบียบของกระทรวงการต่างประเทศ ว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง ข้อ 23 (7)   จึงสามารถยกเลิกคำสั่งถอดถอนหนังสือเดินทางได้    ย่อมสามารถพิจารณาได้โดยสามัญสำนึกว่าเป็นเรื่องที่ขัดแย้งกับข้อเท็จจริงหรือไม่   ถ้าพิจารณาถึงข้อบังคับว่าด้วยคุณสมบัติผู้ถือหนังสือเดินทางซึ่งนำมาใช้เป็นเหตุผลยกเลิกและเรียกคืนหนังสือเดินทางของนายทักษิณไปก่อนหน้า

 

 

5.แนวความคิดของนายสุรพงษ์ต่อการพิจารณาอนุมัติหนังสือเดินทางให้กับนายทักษิณตั้งอยู่บนพื้นฐานความถูกต้องหรือเหตุผลส่วนตัวกันแน่ ??

 

ปรากฏข้อเท็จจริงว่า  เมื่อวันที่ 27 พ.ค.  2558  กระทรวงการต่างประเทศ     ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา     ได้มีคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางของนายทักษิณอีกครั้ง  เนื่องจากพบคำให้สัมภาษณ์ของนายทักษิณ ที่ประเทศเกาหลีใต้     มีเนื้อหาบางส่วนที่อาจส่งผลต่อความมั่นคงปลอดภัยของประเทศไทย อันถือเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 112, 326 และ 328 และพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (3) (5) 

 

นายสุรพงษ์    ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไท    กลับยืนยันแนวคิดตัวเองในการคืนหนังสือเดินทางให้นายทักษิณ     “ตนเห็นว่า นายทักษิณ ไม่ได้ทำความเสียหายอะไรให้กับประเทศ  และถ้าตนกลับมาเป็นรัฐบาลอีก   ตนก็จะคืนหนังสือเดินทางให้ นายทักษิณ เพราะมองว่า นายทักษิณ ไม่ได้ทำความเสียหายอะไร  การออกมาแสดงความคิดเห็นก็ไม่ได้สร้างความเสียหายอะไร  อยู่ที่ประชาชนที่ได้รับฟังจะเชื่ออย่างไร ??

 

ท้ายสุดต่อมาศาลปกครองได้มีคำวินิจฉัยให้ยกคำร้องของนายทักษิณ  ที่คัดค้านการดำเนินการของกระทรวงต่างประเทศในการถอดถอนหนังสือเดินทาง    ว่า   “อธิบดีกรมการกงสุลสามารถยกเลิกหนังสือเดินทางได้ตามระเบียบของกระทรวงการต่างประเทศ เป็นการใช้ดุลพินิจโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่ได้เลือกปฏิบัติ   ซึ่งไม่ถือว่าขัดกับสิทธิเสรีภาพและปฏิญญาสากล” 

 

ล่าสุดนายไพศาล พืชมงคล  กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ)    ได้โพสต์ข้อความแสดงความเห็นในเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุใจความว่า   “สาหัสแน่การออกพาสปอร์ตให้นักโทษหนีคดีเป็นความผิดหรือเป็นความถูก  เด็ก ป.4 ก็รู้ การช่วยเหลือให้ความสะดวกนักโทษหลบหนีก็เป็นความผิดทางอาญา เมื่อ ปปช. ชี้ว่าผิดและส่งอัยการแล้ว
ต่อไปก็จับตาอัยการว่าจะฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาหรือไม่เมื่อใด คดีนี้ไม่ยุ่งยากอะไรหรอก ไม่กี่เดือนก็เสร็จ

 

ข้อเท็จจริงทนโท่..!! เด็กป.4  ยังรู้  “อ้ายปึ้ง” ฝืนระเบียบกต. กระหือรือคืนพาสปอร์ตให้ “นช.ทักษิณ” ผิดตามข้อกล่าวหาหรือไม่??

 

เรียบเรียง : นิตติยา  สำนักข่าวทีนิวส์