อุทาหรณ์สังเวยความเชื่อ!! "คิ้วต่ำ"โพสต์อาลัยแทน “ออมสิน”.. "วินทร์ เลียววาริณ" จวก! คนมืดบอดทางปัญญา สัตว์ตายเพราะคนเห็นแก่บุญของตัวเอง!

ติดตามเรื่องราวดีๆ ได้ที่ http://www.tnews.co.th

เมื่อวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา มีรายงานข่าวว่า รศ. สัตวแพทย์หญิงนันทริกา ชันซื่อ ผอ. ศูนย์วิจัยโรคสัตว์น้ำได้ทำการผ่าตัด เต่าออมสิน ที่กลืนเหรียญเข้าไปในท้องจำนวน 915 เหรียญ

ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 มีนาคม เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ทีมสัตวแพทย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาแถลงข่าวถึงอาการของเต่าออมสิน ว่าได้ตายลงแล้ว หลังพยายามได้ยื้อชีวิตด้วยการผ่าตัดครั้งที่ 2

ส่วนสาเหตุที่เจ้า "เต่าออมสิน" ต้องตายเป็นเพราะความเชื่อของมนุษย์ ที่โยนเหรียญลงไปในบ่อ จนทำให้เจ้าเต่าออมสิน กลืนเหรียญเข้าไปเป็นจำนวนมาก ทำให้ร่างกายอ่อนแอ และมีนิกเกิลซึ่งเป็นสารเคลือบเหรียญอยู่ในกระแสเลือดมากถึง 200 เท่า ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำและกระทบกับระบบกล้ามเนื้อและหัวใจ

 

หลังจากที่ข่าวเจ้าเต่าออมสินตายได้เผยแพร่ออกไป ก็ได้สร้างความเสียใจให้กับผู้คนไม่น้อย

ทั้งนี้ได้เพจดัง  “คิ้วต่ำ” ได้โพสต์ข้อความสุดซึ้งถึงเจ้า "เต่าออมสิน"  และมีผู้คนออกความแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก โดยมีข้อความว่า

 

“อยากได้ดีก็ต้องตั้งใจ

การโยนเหรียญให้เรา

มันไม่ช่วยอะไรหรอกนอกจากทำร้ายเรา

ไม่ได้เจอกันอีกแล้วนะ

โชคดีนะเจ้ามนุษย์

#เต่าออมสิน

 

อุทาหรณ์สังเวยความเชื่อ!! \"คิ้วต่ำ\"โพสต์อาลัยแทน “ออมสิน”.. \"วินทร์ เลียววาริณ\" จวก! คนมืดบอดทางปัญญา สัตว์ตายเพราะคนเห็นแก่บุญของตัวเอง!

 

ในขณะเดียวกัน 21 มีนาคม ที่ผ่านมา ในเฟซบุ๊คของนักเขียนดับเบิ้ลซีไรต์ "วินทร์ เลียววารินทร์" ก็มีข้อความโพสต์เกี่ยวกับประเด็นเต่าออมสิน ว่า

อุทาหรณ์สังเวยความเชื่อ!! \"คิ้วต่ำ\"โพสต์อาลัยแทน “ออมสิน”.. \"วินทร์ เลียววาริณ\" จวก! คนมืดบอดทางปัญญา สัตว์ตายเพราะคนเห็นแก่บุญของตัวเอง!

ความตายของ 'ออมสิน' ไม่ใช่เพียงความตายของเต่าตัวหนึ่ง แต่มันสะท้อนปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นหลายเท่า นั่นคือความมืดบอดทางปัญญาของคนในสังคม มันเป็นดัชนีที่ไม่เพียงชี้ความงมงาย ความมืดบอดทางปัญญา แต่ชี้ความเห็นแก่ตัวของคน เราไม่อาจโทษคนที่ไม่รู้ แต่เราต้องโทษเราเองหากเราเห็นตัวอย่างเหล่านี้มามากมาย แล้วไม่คิดเปลี่ยนและนำพาสังคมไปสู่สังคมแห่งปัญญาจริงๆ ปล่อยให้มันวนเวียนในวงจรอุบาทว์นี้ไม่สิ้นสุด ความมืดบอดทางปัญญานี้ทำให้เรามองเห็นแต่ตัวเอง เราคือศูนย์กลางของจักรวาล ทำบุญก็เพื่อตัวเอง ทำทางลัดได้ทุกทางเพื่อตัวเอง การทำบุญทำทานเพื่อหวังชีวิตที่ดีขึ้นและเพื่อชาติหน้าที่ดีกว่า ก็คือความเห็นแก่ตัวชนิดหนึ่ง มันไม่ใช่การทำบุญ มันคือการลงทุน เราปล่อยนกปล่อยปลาก็เพื่อตัวเอง เราดูฮวงจุ้ยก็เพื่อตัวเองเจริญ แรงชั่วร้ายจะถูกผลักไสไปให้ใคร ไม่เป็นไร เราต้องการยันต์ก็เพื่อตัวเอง เราเปลี่ยนชื่ออักษรมงคล เปลี่ยนเบอร์มือถือก็เพื่อตัวเอง เราทำตามคำของหมอดูเพื่อไม่ให้ปีชงทำอะไรเราได้ ไม่ให้ฤทธิ์ของดาวบางดวงทำให้เราเกิดเคราะห์ เราสวมเสื้อสีตามที่เขาบอกเพื่อให้ชีวิตเราดีขึ้น ทั้งหมดนี้เพื่อตัวเอง

เราจับสัตว์ป่ามาขังในสวนสัตว์หรือที่บ้านก็เพื่อตัวเอง แม้แต่การปลูกต้นไม้ ก็มิได้ทำเพื่อให้ธรรมชาติดีขึ้น แต่เป็นไม้นามมงคลเพื่อตัวเอง กู! กู! กู! ด้วยความคิดฝังหัวแบบนี้ เข้าวัดก็ได้บาป ทำบุญก็ลงนรก เพราะเรากำลังสร้างสังคมของคนเห็นแก่ตัว สังคมที่ไม่แยแสผลกระทบทางร้ายต่อคนอื่นและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ทั้งโลก ลองถามตัวเองว่า ถ้าเราเข้าวัดทำบุญเพื่อทำให้จิตมีเมตตา ลดละความเห็นแก่ตัว ตักบาตรเพื่อค้ำจุนศาสนา คำอธิษฐานเพื่อตัวเองจำเป็นอย่างไร ใช่ โรคติดต่อร้ายแรงที่สุดของมนุษยชาติก็คือความมืดบอดทางปัญญา และเป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่จะแก้ไข เริ่มที่ก้าวออกจากเงามืดของความเห็นแก่ตัว

ข้อมูล : ‎วินทร์ เลียววาริณ