อ้ายปึ้งรอดยาก!!!“อัยการฟ้องศาลฏีกาแล้วคดีคืนพาสปอร์ตทักษิณ นัดพิจารณา15มิย.นี้โทษหนักต้องตัดสิทธิ์การเมือง5ปี???

จากกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิดอาญา นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรัฐมนตรีว่ากระทรวงการต่างประเทศ ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีออกหนังสือเดินทางให้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกออกหมายจับในคดีร่วมกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.ในข้อหาก่อการร้าย และคดีอื่นๆซึ่งขัดต่อระเบียบข้อบังคับกระทรวงการต่างประเทศ ว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ. 2548 ข้อ 21 (2) (3) และ (4)

       ทั้งนี้ล่าสุดมีรายการข่าวจากแหล่งข่าวสำนักงานอัยการ ได้ออกมาเปิดเผยถึงความคืบหน้าการยื่นฟ้อง กรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติ ต้นเดือน ก.พ.60 ที่ผ่านมา ชี้มูลความผิดทางอาญา นายสุรพงษ์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีออกหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ให้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า จากการพิจารณาสำนวน ไม่ปรากฏว่ามีข้อไม่สมบูรณ์ ซึ่งอัยการได้นำสำนวนยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไปแล้วตามระยะเวลากฎหมายใน 30 วันประมาณต้นเดือนมีนาคม2560ที่ผ่านมา

         

       อย่างไรก็ตามซึ่งมีรายงานแจ้งด้วยว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณาแล้ว เป็นคดีหมายเลขดำ อม.51/2560 ซึ่งศาลนัดพิจารณาครั้งแรกเพื่อสอบคำให้การนายสุรพงษ์ จำเลย ในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ เวลา 09.30 น.

       ก่อนหน้านี้คือเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2560 นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีมติชี้มูลความผิดทางอาญานายสุรพงษ์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีออกหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ให้กับนายทักษิณ ที่ถูกออกหมายจับในคดีร่วมกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ฐานก่อการร้ายและคดีอื่นๆ ซึ่งขัดต่อระเบียบข้อบังคับกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ.2548 ข้อ 21 (2) (3) และ (4) ว่า สำนักงาน ป.ป.ช.ได้ส่งสำนวนมาให้ ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุด ตามขั้นตอนทางคดีเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์แล้ว โดยนายภาณุพงษ์ โชติสิน อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ทำรายงานเสนออัยการสูงสุดตามขั้นตอนจะต้องตั้งคณะทำงานพิจารณาสำนวน อัยการจะพิจารณาให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วตามขั้นตอนต่อไป