- 05 มิ.ย. 2560
ติดตามรายละเอียด FB : Deeps News
ถือเป็นก้าวรุกสำคัญของภาคเอกชนในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ เพื่อการประหยัดพลังงานในยุคดิจิตอล สำหรับ แบรนด์ “Ecotech” ผู้นำตลาดเครื่องทำน้ำร้อนแบบฮีทปั้ม ที่สามารถประหยัดพลังงานได้ถึง 2 ใน 3 พร้อมคืนลมเย็นสู่สิ่งแวดล้อมโดยไม่สร้างมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ นายวีระชัย จีระนันตสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ-เซเว่น เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (J-7 Engineering Co., Ltd) ในฐานะเจ้าของแบรนด์ “Ecotech” เปิดเผยว่า บริษัท เจ-เซเว่น เอ็นจิเนียริ่ง ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2540 ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่าย และติดตั้งงานวิศวกรรมระบบน้ำร้อน ประปา ปรับอากาศ และ ระบบประหยัดพลังงาน โดยเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัท Rheem Manufacturing Inc. USA ผู้ผลิตเครื่องทำน้ำร้อน ภายใต้แบรนด์สินค้า Rheem ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ชั้นนำอันดับ1 ที่แพร่หลายและได้รับความเชื่อถือจากวิศวกรระบบน้ำร้อนทั่วโลก ด้วยระบบทำน้ำร้อนแบบหม้อต้ม (Storage Water Heaters and Hot Water Boiler) โดยจำหน่ายและติดตั้งระบบน้ำร้อนดังกล่าวให้กับโรงแรมต่างๆ ในประเทศไทยที่ผ่านมา
กระทั่งในปี 2543 ประเทศไทยตกอยู่ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจฟองสบู่แตก จำเป็นต้องแสวงหาพลังงานทดแทน เพื่อช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในเรื่องพลังงาน ซึ่งภาครัฐพยายามหามาตรการส่งเสริมต่างๆ อาทิ ส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานด้านอื่นๆ เพื่อลดค่าใช้จ่าย บริษัทฯ ได้เล็งเห็นว่ามีเครื่องทำน้ำร้อนอีกประเภทหนึ่งที่เรียกว่า ‘ปั้มความร้อนหรือฮีทปั้ม’ (Heat Pump) ซึ่งเป็นที่นิยมใช้ในต่างประเทศ แต่ในเมืองไทยยังไม่มีใครออกแบบหรือผลิตเพื่อนำมาใช้ บริษัทฯ จึงมีแนวคิดออกแบบและผลิตเครื่องทำน้ำร้อนระบบประหยัดพลังงาน " Energy Saving Technology" เป็นแห่งแรกในประเทศไทย และจำหน่ายภายใต้แบรนด์ “Ecotech” (EcoTech Heat Pump) โดย “Heat Pump หรือปั๊มความร้อน”นั้นเป็นเทคโนโลยีที่ดึงเอา พลังงานความร้อนจากสิ่งแวดล้อมคืออากาศรอบตัวเรา เรียกว่า Renewable Energy ซึ่งเป็นพลังงานที่ฟรี เหมือนพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยการนำพลังงานความร้อนของอากาศมาใช้ประโยชน์ เพื่อให้เป็นแหล่งพลังงานป้อนให้กับ Heat Pump เมื่อเรานำเอาความร้อนจากอากาศมาใช้ ผลพลอยได้ของระบบปั๊มความร้อน คือ การคืนลมเย็นสูสิ่งแวดล้อม ทำให้บรรยากาศเย็นลง และไม่มีมลภาวะ CO2 ปลดปล่อยออกมา ตลอดจนช่วยประหยัดพลังงานและลดต้นทุนการผลิตน้ำร้อนได้มากกว่า 70% เมื่อเทียบกับเครื่องทำน้ำร้อนไฟฟ้าทั่วไป
“เปรียบเทียบง่ายๆ คือ เครื่องทำน้ำร้อนอีโคเทค “Ecotech” จะดึงพลังงานความร้อนจากรอบตัวที่มีอากาศร้อนชื้นของประเทศไทยประมาณ 35 องศาเซลเซียสเข้าสู่ภายในเครื่องปั้ม สามารถมาผลิตน้ำร้อนไดที่อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส นี่คือคือเทคโนโลยี คือหัวใจของมัน เมื่อคายพลังงานความร้อนไปให้กับน้ำแล้ว อากาศจะคืนกลับออกมาสู่สิ่งแวดล้อมกลายเป็นลมเย็น เท่ากับว่าเมื่อนำเครื่องทำน้ำร้อนชนิดนี้ไปติดตั้งที่ไหนก็จะทำให้โลกเย็นลง ไม่เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม และยังใช้พลังงานการผลิตน้ำร้อนเพียงแค่ 1 ใน 3 เมื่อเทียบกับระบบเครื่องทำน้ำร้อนทั่วไปอีกด้วย”
นายวีระชัย กล่าวในตอนท้ายว่า เนื่องจากบริษัทได้พยายามพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ในปีนี้จึงได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยขยายเข้าไปในกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ เป็นต้น รวมถึงตั้งเป้าขยายตัวแทนจำหน่ายไปต่างประเทศ อาทิ ประเทศพม่า และประเทศในกลุ่มอาเซียน โดยการประชาสัมพันธ์แบรนด์สินค้าผ่านช่องทางต่างๆ อาทิ เว็บไซต์ หรือทำการตลาดโดยตรงกับกลุ่มลูกค้า และในขณะเดียวกันก็มีการบอกต่อของลูกค้าหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ จึงมั่นใจได้ในจุดเด่นของ เจ-เซเว่น คือเป็นบริษัทที่เติบโตด้วยนวัตกรรม มีองค์ความรู้ของตัวเอง ประกอบกับจรรยาบรรณความรับผิดชอบต่อตัวสินค้าและลูกค้าที่เป็นนโยบายหลักขององค์กร ผลความสำเร็จจากการนวัตกรรมของเราเรื่อยมา โดยล่าสุดปั้มความร้อนภายใต้แบรนด์ Ecotech ได้รับรองมาตรฐาน “ฉลากประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูงเบอร์ 5” จากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน เป็นรายแรกในประเทศไทย และพร้อมนำนวัตกรรมนี้จัดแสดงภายในงาน “ASEAN Sustainable Energy Week 2017” ระหว่างวันที่ 7-10 มิถุนายน 2560 นี้ บริเวณหน้าฮอลล์ 103 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา
“เราพัฒนาผลิตภัณฑ์ปั้มความร้อนมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2543 ซึ่งในยุคนั้นยังไม่ค่อยมีคนรู้จักเทคโนโลยีนี้มากนัก ในยุคเริ่มต้นจึงยังไม่ค่อยมีใครเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้สามารถประหยัดพลังงานได้จริง ทั้งนี้ ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ได้ทำการทดสอบเทคโนโลยีตัวนี้ด้วยการนำสินค้าของบริษัทเข้าไปทดสอบ จนได้มาตรฐานจากโรงงาน โดยกระทรวงพลังงานมองเห็นว่าเทคโนโลยีนี้เป็นประโยชน์และสามารถประหยัดพลังงานให้กับอุตสาหกรรมต่างๆ และได้รับรองมาตรฐานการประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูงเบอร์ 5 เมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา นี่คือ ความสำเร็จของเรา”