ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th

จากกรณีที่ศาลได้นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือ พธม. คดีบุกทำเนียบรัฐบาลเมื่อปี2551 โดยคดีนี้พนักงานอัยการคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง 6 แกนนำพันธมิตรฯ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อายุ 82 ปี นายสนธิ ลิ้มทองกุล อายุ 69 ปี นายพิภพ ธงไชย อายุ 71 ปี นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อายุ 67 ปี นายสมศักดิ์ โกศัยสุข อายุ 71 ปี และนายสุริยะใส กตะศิลา อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานร่วมกันบุกรุก โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358, 362, 365 และล่าสุดศาลได้อ่านคำพิพากษาแก้จากจำคุกคนละ2ปีลดให้เหลือ 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญาซึ่งจำเลยต้องรอยื่นประกันตัวต่อไปนั้น

       ทั้งนี้จากกรณี เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2551 จำเลยกับพวกได้ปราศรัยชักชวนให้ประชาชนกดดันให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น)ลาออก แล้วปิดล้อมเข้าควบคุมทำเนียบรัฐบาล ห้ามราชการเข้าปฏิบัติหน้าที่ ทำลายทรัพย์สินได้รับความเสียหาย โดยคดีนี้ศาลชั้นต้น พิพากษาจำคุกจำเลยคนละ 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษให้1ใน3 คงจำคุกจำเลยไว้คนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ก่อนยื่นขอประกันตัวสู้คดีชั้นอุทธรณ์ ซึ่งเมื่อถึงเวลา นัด จำเลยทุกคนมาศาล และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัวนายสนธิ มาฟังคำพิพากษา

“การกระทำของพวกจำเลยมิได้เป็นประโยชน์เพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตน” เปิดคำพิพากษาแก้โทษจำคุก“6แกนนำพธม.”บุกทำเนียบ

       โดยศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า “โจทย์มีรองเลขาธิการ สำนักนายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการสำนักสถานที่ดูแลรักษาความเรียบร้อย สันติบาล 4ปาก เบิกความคงรายละเอียดเหตุการณ์ที่จำเลยทั้ง6ที่เป็นแกนนำ และผู้ชุมนุมที่เข้าไปในทำเนียบรัฐบาลและได้นำรถ6ล้อเข้าไปตั้งเวทีปราศรัย หน้าสนามหญ้าทำเนียบรัฐบาล มีการตัดโซ่ที่คล้องประตูสองซุ้มรวมทั้งผลักดันแผงเหล็กกับที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดไว้ เพื่ออำนวยรักษาความปลอดภัย ซึ่งการกระทำนั้นส่งผลให้ เกิดความเสียหายต่อระบบรดน้ำ , สนามหญ้าที่ตายทั้งหมด และระบบไฟในสนามหญ้า ศาลจึงเห็นว่าการกระทำของจำเลยนั้นเป็นการกระทำฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ซึ่งเป็นความผิดกรรมเดียวสมทบเนื่องกันแต่ผิดกฎหมายหลายบท

 

       การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาฐานบุกรุกนั้นชอบแล้ว ส่วนที่จำเลยขอให้ศาลลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ โดยอ้างเหตุว่าจำเลยเป็นผู้มีการศึกษา มีสถานะทางสังคม และได้ทำงานสังคม อีกทั้งไม่เคยต้องโทษในคดีอาญามาก่อน กับการชุมนุมนั้นก็เป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะนั้น ศาลเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการบุกรุกทำเนียบรัฐบาลซึ่งเป็นสถานที่ราชการ ซึ่งการที่จำเลยจะใช้เสรีภาพนั้นก็จะต้องไม่กระทบต่ออำนาจหน้าที่อื่น และเพื่อไม่ให้การกระทำของจำเลยนั้นเป็นเยี่ยงอย่าง แต่เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของพวกจำเลยมิได้เป็นประโยชน์เพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตน จึงเห็นควรพิพากษาลงโทษให้เหมาะสมกับพฤติการณ์จึงพิพากษาแก้ จากเดิมที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 2 ปี ให้เป็นจำคุก1ปี โดยลดโทษให้1ใน3 คงจำคุกจำเลยทั้ง6 เป็นเวลาทั้งสิ้น 8เดือนโดยไม่รอลงอาญา

“การกระทำของพวกจำเลยมิได้เป็นประโยชน์เพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตน” เปิดคำพิพากษาแก้โทษจำคุก“6แกนนำพธม.”บุกทำเนียบ