- 02 ส.ค. 2560
ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th
จากกรณีวันนี้ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้นัดฟังคำพิพากษาคดีสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)เมื่อปี2551 ซึ่งคดีกล่าวมีจำเลยทั้งหมด4คน คือ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย รวมทั้งพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น พลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพลตำรวจโทสุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล โดยนายสมชาย เมื่อเดินทางมาถึงศาลได้กล่าวเพียงสั้นๆด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ว่า มีการเตรียมตัวในคำตัดสินมานานแล้ว โดยมีมวลชน และสมาชิกพรรคเพื่อไทย มาให้กำลังใจ พร้อมระบุส่วนกำลังใจก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ต้องรอฟังคำตัดสินของศาล
ขณะที่พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จำเลยที่4 ก็เปิดเผยก่อนเข้ารับฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วยว่า ยินดีน้อมรับคำพิพากษาของศาลฯ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร จะเป็นเครื่องชี้วัดว่าสิ่งที่ตนเองได้เคยกระทำ ซึ่งหากศาลพิพากษาว่าตนเองผิดจะไม่ขอยื่นประกันตัวและอุทธรณ์แต่อย่างใด
ทั้งนี้ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน แต่ได้เตรียมกระเป๋าสัมภาระมา 2 ใบ พร้อมยืนยันที่ผ่านมาตลอดการต่อสู้คดี 9 ปี ได้พยายามชี้แจงต่อศาลฯ ยืนยันว่าการปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้เกินเลย เป็นไปตามสถานการณ์และกฎหมายทุกขั้นตอน ก่อนที่จะเดินทางมารับฟังคำพิพากษาวันนี้จำเลยทั้ง 4 คน ได้มีการพูดคุยหารือและให้กำลังใจซึ่งกันและกันและเห็นตรงกันว่าอยากให้คดีนี้สิ้นสุดลงจึงนัดกันมาฟังคำพิพากษาโดยพร้อมเพรียงกันในวันนี้ ขณะเดียวกันพล.ต.ท.สุชาติ ได้เข้าไปกล่าวขอโทษพูดคุยกับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 โดยเฉพาะนายตี๋ แซ่เตียว ผู้สูญเสียเท้าขวาจากระเบิดแก๊สน้ำตา ซึ่งนายตี๋ ขณะนั้นอายุ 63ปี มีอาชีพขับจักรยานยนต์รับจ้างและรับส่งเอกสารถูกระเบิดแก๊สน้ำหน้าหน้าบริเวณหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล (บชน.) เวลาประมาณ 19.00 น.ผลจากเหตุการณ์นี้ทำให้ขาขวาขาดตั้งแต่หน้าแข้ง ส่วนขาซ้ายเป็นรอยไหม้จากสะเก็ดระเบิด