ถึงเวลารวมใจชาวพุทธ!! คัดค้าน ร่างพ.ร.บ.โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ฯ ทวงคืนสิทธิ์ที่ดินมรดก “ยายเนื่อม” คืนวัดธรรมิการามวรวิหาร??

ติดตามรายละเอียดที่นี่ http://www.tnews.co.th

ถึงแม้ว่าคดีฟ้องร้องเอาผิดกับนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์   ในครั้งดำรงตำแหน่งเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย  จะไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด   เนื่องจากกระบวนการทางคดียังต้องรอการพิพากษาชั้นอุทธรณ์และฎีกาต่อไปตามลำดับ  ภายหลังศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบมีคำพิพากษาให้จำคุกนายยงยุทธ์เป็นเวลา 2  ปีโดยไม่รอลงอาญา  ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ  ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157  กรณีเพิกถอนคำสั่งกรมที่ดินให้ยกเลิกโฉนดที่ดินที่จดทะเบียนในนาม  “สนามกอล์ฟอัลไพน์”  อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี  โดยมิชอบ

 

 

ถึงเวลารวมใจชาวพุทธ!! คัดค้าน ร่างพ.ร.บ.โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ฯ ทวงคืนสิทธิ์ที่ดินมรดก “ยายเนื่อม” คืนวัดธรรมิการามวรวิหาร??

ประเด็นสำคัญคือในคำพิพากษาปรากฏชัดในข้อเท็จจริง ว่า  1.คำสั่งของอธิบกรมที่ดิน (ในขณะนั้น)  ที่ให้เพิกถอนการจดทะเบียนที่ดินของมูลนิธิมหามงกุฎราชวิทยาลัย  ผู้โอนให้กับมูลนิธิมหามงกุฎ  เป็นผู้รับ  และ มูลนิธิมหามงกุฎ   ขายต่อให้กับบริษัทอัลไพน์เรียลเอสเตท  จำกัด และ บริษัทอัลไพน์  กอล์ฟ แอนด์  สปอร์ต  คลับ  ตลอดจนการจดทะเบียน  ลำดับต่อๆ มา รวมถึงการจดทะเบียนแยกแปลงในที่ดินที่เป็นข้อพิพาท  เป็นคำสั่งที่ถูกต้องด้วยกฎหมายและข้อเท็จจริงแล้ว

 

 

2.กรณีนายยงยุทธในขณะดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย  และเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจพิจารณาการอุทธรณ์มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินที่ชอบธรรมแล้ว จึงเป็นเรื่องไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย  เนื่องจากนายยงยุทธก็รับทราบมติของคณะกรรมการกฤษฎีกา  ที่ระบุว่า  ที่ดินดังกล่าวตกเป็นของวัดและธรณีสงฆ์ทันทีที่นางเนื่อม (เจ้าของที่ดิน)  เสียชีวิต    แม้ว่าจะไม่มีการโอนชื่อให้เป็นของวัดก็ตาม   อีกทั้งยังพบว่า วัดได้ปล่อยเช่าที่ดินที่ได้รับจากนางเนื่อมเพื่อก่อให้เกิดดอกผล  และยังไปจดทะเบียนว่าที่ดินที่ได้มานี้เป็น “ธรณีสงฆ์” 

ถึงเวลารวมใจชาวพุทธ!! คัดค้าน ร่างพ.ร.บ.โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ฯ ทวงคืนสิทธิ์ที่ดินมรดก “ยายเนื่อม” คืนวัดธรรมิการามวรวิหาร??

 

 

พิจารณาโดยหลักข้อเท็จจริงและคำพิพากษาศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบแล้ว  ที่ดินของนางเนื่อม หรือ ยายเนื่อม  ชำนาญชาติศักดา  อุปัฏฐายิกาของเจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร  ซึ่งได้ทำพินัยกรรม  ณ ที่ว่าการอำเภอดุสิต  และต่อหน้าว่าที่ร้อยตรีเสมอใจ พุ่มพวง  นายอำเภอดุสิต  เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2512  ในการยกกรรมสิทธิ์ที่ดินตามโฉนดเลขที่ 20 ตำบลคลองซอยที่ 5 ฝั่งตะวันออก (บึงตะเคียน) อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานานี  เนื้อที่ 730 ไร่  1 งาน 51 ตารางวา  ถวายเป็นกรรมสิทธิ์ให้แก่  วัดธรรมิการามวรวิหาร

 

ดังนั้นจึงต้องถือเป็นกรรมสิทธิ์ ในสถานะของความเป็นธรณีสงฆ์   หรือ  นับตั้งแต่นางเนื่อม หรือ  หรือ ยายเนื่อม  ชำนาญชาติศักดา    ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2514   ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น โดยการโอน หรือขายต่อให้กลุ่มทุนการเมือง  ผ่านมูลนิธิมหามงกุฎฯ  ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา

 

 

ถึงเวลารวมใจชาวพุทธ!! คัดค้าน ร่างพ.ร.บ.โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ฯ ทวงคืนสิทธิ์ที่ดินมรดก “ยายเนื่อม” คืนวัดธรรมิการามวรวิหาร??

 

 

ประเด็นนี้ต้องย้ำให้ชัดด้วยเป็นสาระสำคัญตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา  ซึ่งวินิจฉัยในข้อกฎหมายเมื่อวันที่  25 ธันวาคม  2543  เป็นหนังสือที่ นร 0601/0175  ลงวันที่ 9  กุมภาพันธ์  2544  สรุปใจความสำคัญว่าวัดธรรมิการามวรวิหาร  เป็นผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงดังกล่าวทันที  เมื่อ  นางเนื่อม หรือ  หรือ ยายเนื่อม  ชำนาญชาติศักดา   ถึงแก่กรรม  ตามมาตรา 33(2)  (13)  แห่งพ.ร.บ.คณะสงฆ์  พ.ศ. 2505 

 

 

ถึงเวลารวมใจชาวพุทธ!! คัดค้าน ร่างพ.ร.บ.โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ฯ ทวงคืนสิทธิ์ที่ดินมรดก “ยายเนื่อม” คืนวัดธรรมิการามวรวิหาร??

 

 

นอกจากนี้การโอนที่ธรณีสงฆ์ยังต้องทำโดยพ.ร.บ.คณะสงฆ์ ตามมาตรา 34 (14)       ไม่อาจนำมาตรา 84 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินมาใช้อ้างในการโอนเพียงบทบัญญัติเดียว เพื่อทำให้การโอนที่ดินจากมูลนิธิมหามงกุฎไปแก่บุคคลอื่นนอกเหนือจากวัดธรรมิการามวรวิหารไม่ได้  เพราะถือเป็นการประทำที่ขัดต่อเจตนารมณ์ของเจ้าของมรดก  ซึ่งไม่ผูกพันทายาท ตามมาตรา  1720 (21) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์    

 

โดยสรุปเหตุกรณีนี้ที่ดินอันเป็นทรัพย์สินของ นางเนื่อม หรือ  หรือ ยายเนื่อม  ชำนาญชาติศักดา   ได้ถือเป็นทรัพย์สินของวัดธรรมิการามวรวิหาร  หรือเป็นธรณีสงฆ์  โดยสมบูรณ์แล้วจะเปลี่ยนแปลงเป็นอื่น  โดยมูลนิธิมหามงกุฎราชวิทยาลัย  ในการนำไปขายต่อให้   บริษัทอัลไพน์เรียลเอสเตท  จำกัด และ บริษัทอัลไพน์  กอล์ฟ แอนด์  สปอร์ต  คลับ  ...  มิได้ ??

 

ยิ่งยวดที่สุดจากคำพิพากษาของศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ  ซึ่งมีสาระสำคัญชี้ว่าการยกเลิกคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน (ในขณะนั้น)  ให้เพิกถอนการจดทะเบียนที่ดินของมูลนิธิมหามงกุฎราชวิทยาลัย  จึงต้องดำเนินการโดยผู้เกี่ยวข้องอย่างหนึ่งอย่างใดโดยเร็วที่สุด  ในชั้นนี้สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ  ในฐานะผู้ทำหน้าที่แทนกรมศาสนาเดิม  ต้องนำคดีขึ้นสู่ศาลยุติธรรมเพื่อชี้ขาดกรรมสิทธิ์ที่ดิน  ตามคำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล  ซึ่งเคยมีคำวินิจฉัยที่ 4/2545 ไว้ก่อนหน้านี้ว่า   คดีพิพาทเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดินอันเป็นสิทธิในทรัพย์สินของบุคคล ซึ่งจะต้องดำเนินการตามบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายที่ดินและประมวลแพ่งและพาณิชย์   อยู่ในเขตอำนาจศาลยุติธรรม  

 

 

ถึงเวลารวมใจชาวพุทธ!! คัดค้าน ร่างพ.ร.บ.โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ฯ ทวงคืนสิทธิ์ที่ดินมรดก “ยายเนื่อม” คืนวัดธรรมิการามวรวิหาร??

 

 

แน่นอนว่ากรณีนี้เป็นไปได้อย่างสูงว่า  กรรมสิทธิ์ในที่ดินของ  นางเนื่อม หรือ  หรือ ยายเนื่อม  ชำนาญชาติศักดา    ย่อมตกเป็นของวัดธรรมิการามวรวิหาร  ตามเจตนาบุญของ ยายเนื่อม  แต่เดิมเริ่มต้น  ซึ่ง  มูลนิธิมหามงกุฎราชวิทยาลัย   ไม่อาจนำไปแปลความหมายเป็นอย่างอื่นได้ ...

 

ยกเว้นแต่มีความพยายามจะกระทำการออกกฎหมายที่กำลังเป็นเรื่องร้อนในขณะนี้  ว่าด้วย      การจัดทำร่างพระราชบัญญัติ  โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์วัดธรรมิการามวรวิหาร  ตำบลประจวบคีรีขันธ์ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  ให้แก่มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์  (คลิกอ่านรายละเอียด :   ร่างพระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์วัดธรรมิการามวรวิหาร...)     ให้เป็นผลทางกฎหมายโดยสมบูรณ์  

 

 

โดยอ้างว่า   มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์    เป็นผู้อยู่ในฐานะผู้จัดการมรดกของนางเนื่อม หรือ ยายเนื่อม   ชำนาญชาติศักดา   ในช่วงที่มีข้อขัดแย้งหรือการบริหารจัดการที่ดินภายในวัดธรรมิการามวรวิหาร   และมูลนิธิดังกล่าวได้รับโอนและจดทะเบียนขายให้กับ  บริษัทอัลไพน์เรียลเอสเตท  จำกัด และ บริษัทอัลไพน์  กอล์ฟ แอนด์  สปอร์ต  คลับ  ที่มีนางอุไรวรรณ  เทียนทอง   , นายวิทยา  เทียนทอง นายชูชีพ  หาญสวัสดิ์   เป็นผู้ถือหุ้น  ในราคาไร่ละ 1.5 แสนบาท รวมเป็นเงิน 142  ล้าน ในวันเดียวกัน  คือวันที่  31  สิงหาคม 2533   ก่อนนำที่ดินไปจำนองในวงเงิน 220  ล้านบาท  แล้วขายต่อให้กับนายทักษิณ ชินวัตร  ในปี 2541  ด้วยมูลค่าสูงถึงกว่า 500 ล้านบาท  

 

 

ซึ่งตรงนี้เป็นประเด็นที่หลายฝ่ายเชื่อว่ากำลังมีความพยายามทำกฎหมายขึ้นมารองรับการโอนและขายที่ดินของ  นางเนื่อม หรือ ยายเนื่อม   ชำนาญชาติศักดา    มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กับ  บริษัทอัลไพน์เรียลเอสเตท  จำกัด และ บริษัทอัลไพน์  กอล์ฟ แอนด์  สปอร์ต  คลับ   เป็นผลโดยถูกต้องตามกฎหมาย 

 

 

ดังปรากฏอยู่ในถ้อยคำส่วนหนึ่งจากเฟซบุ๊กของ “ฟองสนาน  จามรจันทร์”   ผู้สื่อข่าวอาวุโส  และตามมุมความเห็นของสื่อมวลชน  นักฎหมายจำนวนมาก  ว่า  “มาเถิดชาวพุทธ..ช่วยกันโพสต์-แชร์พร้อมข้อความคัดค้าน..ช่วยกันรณรงค์ต่อต้านการเหยียบย่ำเจตนารมณ์สุดท้ายของคุณยายเนื่อม ชำนาญชาติศักดา...ทุกวิถีทาง” 

 

 

ถึงเวลารวมใจชาวพุทธ!! คัดค้าน ร่างพ.ร.บ.โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ฯ ทวงคืนสิทธิ์ที่ดินมรดก “ยายเนื่อม” คืนวัดธรรมิการามวรวิหาร??