- 15 ก.ย. 2560
ทำเนียบระทึกอีก หลังมีหนุ่มถ้ำมองห้องน้ำหญิง “สื่อสาว ข้าราชการหญิง”แตกตื่น เวรกรรมกล้องคอแข็งจับไม่ติดภาพคนร้าย
ทำเนียบระทึกอีก หลังมีหนุ่มถ้ำมองห้องน้ำหญิง “สื่อสาว ข้าราชการหญิง”แตกตื่น เวรกรรมกล้องคอแข็งจับไม่ติดภาพคนร้าย ขณะที่ต้นสัปดาห์ลูกน้องเก่าประชิดนายกฯจนตกใจ
ระทึกอีกถ้ำมองโผล่สองสาวในห้องน้ำหญิงทำเนียบ ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่าวันนี้ 15 ก.ย.ได้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นที่ห้องน้ำหญิงบริเวณชั้น 1 ตึกบัญชาการ 1 ในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งตึกดังกล่าวเป็นสถานที่ทำงานของรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รวมถึงมีห้องประชุมครม.ด้วย
โดยเมื่อเวลาประมาณ 12 .00 น.ขณะที่ผู้สื่อข่าว และข้าราชการ เข้าทำภารกิจส่วนตัวในห้องน้ำหญิงซึ่งมีอยู่ 4 ห้องย่อย ปรากฏว่า ห้องน้ำห้องที่ 4 ซึ่งอยู่ในสุดของห้องน้ำ ได้มีชายวันรุ่น ผิวคล้ำ อายุประมาณ 20 กว่าๆ แต่งกายดี แต่ไม่ติดบัตรแสดงตน โดยสวมเสื้อเชิร์ตขาวมีลาย กางเกงสีดำ ปีนชักโครก และชะโงกหน้าข้ามมายังห้องที่ 3 ซึ่งข้าราชการได้เหลือบไปเห็นพอดี ด้วยความตกใจจึงตะโกนโวยวายเสียงดัง พร้อมเปิดประตูออกมาดัก
ขณะที่ชายดังกล่าวรีบเปิดประตูพยายามที่จะวิ่งหนี แต่ไม่ทัน ข้าราชการที่พบจึงถามว่า "ทำไมทำเช่นนี้" ซึ่งชายดังกล่าวรุกลี้รุกลน พร้อมอ้างว่า "ไม่เคยมาที่นี่" จากนั้น ได้วิ่งหนีออกจากห้องน้ำไปทันที โดยข้าราชการและผู้สื่อข่าวได้วิ่งตามไปแต่ทัน โดยจากชายดังกล่าววิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้นข้าราชการและผู้สื่อข่าว จึงรีบไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำตึกบัญชาการให้สกัดจับ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามวิ่งไปติดตามตัวในทันที แต่ไม่ทัน จากนั้นจึงได้เข้ามาดูสถานที่เกิดเหตุที่ห้องน้ำหญิง พร้อมไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อหาภาพและเส้นทางวิ่งออกไปของชายคนดังกล่าว แต่ปรากฎว่าเมื่อมีการไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดซึ่งอยู่บริเวณทางเดินก่อนเลี้ยวเข้าห้องน้ำ กลับไม่สามารถจับภาพชายดังกล่าว เนื่องจากกล้องไปหันไปละมุมกับเส้นทางที่คาดว่าชายดังกล่าววิ่งออกไป คือบริเวณเข้า-ออกประตู 9 ติดกับทางเข้าตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ทั้งนี้หลังปราฎเป็นข่าวได้ว่าได้สร้างความตื่นตกใจและสร้างความหวาดผวาให้กับผู้สื่อข่าวหญิง ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่หญิงที่ใช้ห้องน้ำตึกบัญชาการเป็นประจำ
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เมื่อวันพุธที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา เกิดเหตุชายสูงอายุอ้างเป็นอดีตนายทหาร จากกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ. ) แต่งกายในชุดออกกำลังกายอย่างกลมกลืน ทราบชื่อภายหลังว่า ร.ต.สมชาย อาจผึ่ง อดีตทหาร ร.21 รอ. ที่ลาออกจากราชการไปประกอบธุรกิจส่วนตัว
ระบุว่าเป็นลูกน้องเก่าของพล.อ.ประยุทธ์ ได้บุกเข้าประชิดตัวนายกรัฐมนตรีอย่างที่ไม่มีใครคาดฝันมาก่อน อ้างว่าต้องการมาพบในฐานะลูกน้องเก่า อยากมาร่วมออกกำลังกาย ขอมาร่วมออกกำลังกายด้วย อย่างไรก็ตาม อีกส่วนหนึ่งก็ต้องการพาญาติมาร้องเรียนในเรื่องที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการประมูล จัดทำเสื้อผ้าให้กับหน่วยงานแห่งหนึ่งแต่มีปัญหาไม่สามารถส่งมอบได้ จึงต้องการให้นายกฯ ช่วยแก้ไข ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยสีหน้างุนงงว่า จำร.ต.สมชายได้ แต่เรื่องการร้องเรียนขอให้ไปร้องตามขั้นตอนก็แล้วกัน ก่อนที่จะปลีกตัวขึ้นไปยังห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้าทันที
ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างพล.อ.ประยุทธ์พร้อมด้วยข้าราชการและเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบรัฐบาลร่วมออกกำลังกายประจำสัปดาห์ ด้วยการเต้นแอโรบิค เป็นเวลา 30 นาที โดยมี พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะทำงาน และข้าราชการทำเนียบรัฐบาล ร่วมออกกำลังกายอย่างคึกคัก โดยมีเจ้าหน้าที่จากการกีฬาแห่งประเทศไทย ( กกท.) นำออกกำลังกาย
ทั้งนี้ รายงานข่าวจากศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ร.ต.สมชาย ได้ขอแลกบัตรเข้ามาในทำเนียบรัฐบาลอย่างถูกต้องโดยอ้างว่าจะมาพบญาติ ส่วนผู้หญิงที่มาด้วย คือนางยุวรี ปิยนุสรณ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ยังแมน สปอร์ต จำกัด ได้แลกบัตรและขอติดตามเข้ามา ทั้งนี้นางยุวรีเคยยื่นหนังสือต่อศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ขอความช่วยเหลือกรณีที่ได้รับความเสียหายจากการผลิตเสื้อโปโล จำนวน 2 แสนตัว เพื่อแจกให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่สังกัดกรุงเทพมหานคร(กทม.) แต่ยังเกิดปัญหาไม่สามารถส่งมอบได้ เมื่อเรื่องยังไม่มีความคืบหน้า จึงได้บุกเข้ามาขอให้นายกรัฐมนตรีช่วย โดยขอให้ ร.ต.สมชายในฐานะลูกน้องเก่าเป็นผู้พามา
อนึ่ง ในส่วนของมาตราการรักษาความปลอดภัยภายในทำเนียบนั้นที่ผ่านมาจะเข้มงวดเป็นพิเศษกับสื่อมวลชนทั้งที่มีบัตรประจำตัวทำเนียบอยู่แล้วและที่มาทำข่าวเป็นครั้งคราวและต้องแลกบัตรเข้าไปทำข่าว แต่กลับปล่อยปละละเลยบุคคลภายนอกที่เข้ามาติดต่อราชการในทำเนียบ จนทำให้เกิดเหตุไม่คาดฝันในลักษณะนี้บ่อยครั้ง
//////////////