- 24 ก.ย. 2560
ตืดตามรายละเอียด FB : Deeps News
ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับ “งานแสดงสุดยอดสินค้าคุณภาพจากประเทศจีน ครั้งที่ 8 (The 8th China Products Show 2017)” และ “งานแสดงสินค้าอาเซียน-จีน ครั้งที่ 7 ( The 7 th China-ASEAN (Thailand) Commodity Fair )” โดยกระทรวงพาณิชย์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (Trade Development Bureau, Ministry of the Commerce of the People’s Republic of China) ในฐานะผู้จัดงานและผู้สนับสนุนการจัดงาน ณ อาคารแสดงสินค้าฮอลล์ 3-4 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี
ล่าสุดนายแนส เหวิน (Mr. NAZ WEN ) รองกรรมการผู้จัดการทั่วไป บริษัท เวิลด์เด็กซ์ ซิงค์เอ็กซ์ เอ็กซิบิชั่น (กวางโจว) จำกัด. ในฐานะผู้จัดงานแสดงสุดยอดสินค้าคุณภาพจากประเทศจีน ครั้งที่ 8 กล่าวว่า งานแสดงสุดยอดสินค้าคุณภาพจากประเทศจีน ประสบความสำเร็จในการจัดงานในกรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง เป็นเวลา 7 ปี โดยมีเจ้าภาพในการจัดงานคือ กรมพัฒนาการค้า กระทรวงพาณิชย์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน, สภาหอการค้าเพื่อการนำเข้าและส่งออกแห่งมณฑลกวางตุ้ง และ บริษัท เวิลด์เด็กซ์ ซิงค์เอ็กซ์ เอ็กซิบิชั่น (กวางโจว) จำกัด เป็นต้น
โดยมีผู้จัดแสดงสินค้าทั้งไทย-จีนกว่า 342 ราย จากหลายมณฑล อาทิ มณฑลฝูเจี้ยน มณฑลเจ้อเจียง มณฑลกวางตุ้ง มณฑลซานตง มณฑลหนิงปัว มณฑลอู่ฮั่น มณฑลซุ่นเต๋อ เป็นต้น มาร่วมทำให้งานครั้งนี้ได้ผลสำเร็จเป็นอย่างดี พร้อมด้วยงานสัมมนาในหลากหลายหัวข้อ และการจับคู่ธุรกิจที่จะดำเนินไปพร้อมกับการแสดงสินค้า เพื่อตอบสนองความต้องการของทั้งผู้ซื้อในประเทศไทย และจากประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำหรับประเทศจีนและไทย คือ ประเทศเพื่อนบ้านที่แน่นแฟ้น มีประวัติศาสตร์ทางการค้าร่วมกันอย่างยาวนาน นับตั้งแต่ริเริ่มจัดตั้งเส้นทางสายไหมเก่า Silk Road จนถึงเส้นทาง One Belt One Road เส้นทางสายใหม่ทางทะเล ซึ่งประเทศไทยก็อยู่ในนั้น เพราะพัฒนาการทางเศรษฐกิจทางสังคมและทางวัฒนธรรม แล้วประเทศไทยนั้นเป็นที่ตั้งอยู่จุดตรงกลางของอาเซียน และประเทศไทยมีจีดีที อันดับที่สองของอาเซียน มีธุรกิจบริการที่เจริญก้าวหน้ามากแต่ก่อนนี้ประเทศจีนมีแต่สินค้าถูกๆ ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว เป็นสินค้าไฮเอนด์คุณภาพสูง ซึ่งสามารถสอดคล้องกับ ตลาดผู้บริโภคของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
“ปีนี้เราได้ทำเกี่ยวกับด้านอีคอมเมิร์ช เอสเอ็มอีของประเทศไทย เป็นการทดลองทำสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อต่อยอดการค้าต่อไปในอนาคต ซึ่งล่าสุดประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ท่านได้จัดงานนิทรรศการสินค้าส่งออกเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่ผู้ประกอบการไทยน่าจะนำสินค้าไปร่วมแสดงที่ประเทศจีน หรือแม้กระทั่งสินค้าอาเซียน ไปจัดแสดงที่สิงคโปร์ อนาคตเรามองว่า การค้าไม่จำกัดว่าจีนมาไทย ไทยไปจีน หรืออาเซียนไปจีน เพราะช่องทาง One Belt One Road ของท่านสี จิ้น ผิง ได้กำหนดเป็นนโยบายของประเทศชาติ ทั้งนี้ งานแสดงสุดยอดสินค้าคุณภาพจากจีน มุ่งมั่นในการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการจีน ก้าวสู่ตลาดอาเซียน และสามารถคว้าโอกาสทางธุรกิจในตลาดที่กำลังผุดขึ้นใหม่ได้ งานจัดแสดงดึงดูดผู้ซื้อจากอาเซียน มากกว่า 10,000 ราย ต่อปี และสร้างเวทีที่สำคัญให้แก่ผู้ประกอบการในการทำธุรกิจในตลาดการค้าสากล”
ด้านนายหม่า กั๋ว ฉิน (Mr. MA GUOQIN) รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไชน่า เฟอร์ริน เทรด กว่างโจวเอ็กซิบิชั่น เจนเนอรัลคอร์ป เป็นตัวแทนในฐานะผู้จัดงานงานแสดงสินค้าอาเซียน-จีน ครั้งที่ 7 กล่าวว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พบว่าประเทศไทยมีความต้องการสินค้าเครื่องจักรระบบอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มมากขึ้น ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพอย่างยิ่ง คณะกรรมการธุรกิจการค้าประจำมณฑลหนิงปัว จึงได้จัดโซนเครื่องจักรระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวบรวมบริษัทที่มีความโดดเด่นเป็นจำนวนมาก
อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัวเรือน เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ฮาร์ดแวร์ เครื่องมือ อุปกรณ์ส่องสว่าง และอื่นๆอีกมากมาย การจัดแสดงสินค้าในปีนี้ ดึงดูดบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัวเรือนกว่า 30 ราย ร่วมจัดแสดงสินค้าคุณภาพสูงจากประเทศจีน นำเสนอเทรนด์ล่าสุดของอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัวเรือนของจีน แก่ผู้ซื้อชาวไทยและอาเซียน โดยรวบรวมแบรนด์สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนที่เป็นที่รู้จักอย่างดีหลากหลายแบรนด์ อาทิ บริษัท Bear Electrical Appliance Co., Ltd. และ Guangdong Vanward New Electrical Appliance Co., Ltd.
“ปัจจุบันทั่วโลกเน้นในเรื่อง 4.0 เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ทางจีนก็ได้ให้ความสำคัญขั้นต่อไป อย่างด้าน เอไอ AI : Artificial Intelligence หรือปัญญาประดิษฐ์ และออโตเมชั่น อินเตอร์เน็ตออฟติ้ง เรื่องโรบอท หุ่นยนต์ ก็คิดว่าสิ่งพวกนี้น่าจะเป็นสิ่งใหม่ เพื่อซัพพอร์ทกับอุตสาหกรรมดั้งเดิม หรือมาทดแทน การพัฒนาประเทศอย่างประเทศไทยมีตลาด 4.0 ในเมืองจีนก็มี 2025
เพราะฉะนั้นเรื่องเทคโนโลยีในประเทศจีน สามารถเทียบตามมาตรฐานของโลกได้ ซึ่งแนวโน้มของการจัดงานในปีต่อๆไป ในฐานะผู้จัดงานหรือรัฐบาลจีน อาจจะต้องทำความเข้าใจกับประเทศไทย 4.0 แล้วก็หาดูว่าประเทศไทยต้องการสินค้า ผลิตภัณฑ์ไหนกับประเทศจีน จะได้นำมาจัดแสดงให้สอดคล้องกันต่อไป”