- 19 ม.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
จากกรณีจากกรณีเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 17 มกราคม 2561 นายอรรถพลพร้อมกับภรรยา ถูกชายฉกรรจ์ 4 คน ใช้อาวุธปืนบังคับให้ขึ้นรถเก๋งสีดำ หมายเลขทะเบียน กน 5903 ลพบุรี ขณะไปส่งลูกที่โรงเรียนบ้านฟากนา ต.นาอาน อ.เมือง จ.เลย ได้สร้างความตระหนกตกใจ ทั้งครูและผู้ปกครอง จากนั้นชายฉกรรจ์ได้พาหลบหนีไปทางอำเภอวังสะพุง และเวลาต่อมานายอรรถพลพร้อมกับภรรยาและลูก ถูกปล่อยลงกลางทาง ซึ่งภายหลัง นายอรรถพลพร้อมภรรยาได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเลย ในเวลา 20.00 น. วันเดียวกันนั้น
(อ่านข่าวก่อนหน้า)
ความคืบหน้าล่าสุด มีการแชร์โพสต์ในเฟซบุ๊ค เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2561 เป็นภาพของนายอรรถพลและภรรยากำลังเซ็นเอกสารแก้ไขสัญญาจำนองรถยนต์อยู่หน้าร้านวังสะพุงศึกษา ถนนภูมิวิถี ในตัวเมืองวังสะพุง พร้อมพิมพ์ข้อความระบุว่า นายอรรพลมีพฤติกรรมชอบหลอกลวงซื้อขายจำนองรถยนต์จากเต๊นท์รถมือสองหลายแห่งในจังหวัดแถบปริมณฑล แล้วหลบหนีมาจังหวัดเลย ผู้เสียหายที่เป็นเจ้าของเต็นท์รถยนต์ได้ว่าจ้างกลุ่มชายฉกรรจ์มาตามเอารถคืน พร้อมบังคับให้ลงชื่อแก้ไขสัญญา แล้วปล่อยตัวทั้งสามคนไปโดยปลอดภัย
หลังจากนั้น เมื่อช่วงสายวันที่ 19 มกราคม 2561 พ.ต.อ.สุจินต์ นาวาเรือน ผู้กำกับ สภ.วังสะพุง ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่สืบสวน โดยเข้าตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ร้านวังสะพุงศึกษา พบว่าเวลาประมาณ 09.15 น.วันที่ 17 มกราคม 2561 หนึ่งในคนร้ายที่ก่อเหตุบังคับนายอรรถพลขึ้นรถพร้อมกับครอบครัว ได้เข้ามาซื้อสมุดบัญชีเล่มใหญ่ 1 เล่ม โดยสวมหมวกสีแดง สวมแว่นตาดำ แล้วเดินออกไปหน้าร้าน ก่อนที่จะมีการบังคับให้นายอรรพลลงชื่อแก้ไขสัญญาจำนองรถยนต์
นายสิทธิชัย เอี่ยมกิจ เจ้าของร้านวังสะพุงศึกษา เปิดเผยว่า ก่อนที่คนร้ายเข้ามาซื้อสมุด ก็เห็นว่ามีรถมาจอดต่อท้ายกันหลายคัน ตนก็ก้มหน้าก้มตาขายของ เมื่อคนร้ายได้สมุดออกไปยืนอยู่ที่รถ ได้ยินเสียงพูดกันดังเล็กน้อย โดยที่ตนไม่สนใจว่ามีเหตุการณ์อะไรอะไร
พ.ต.ท.ดำรงค์ วงษ์ลืออำนาจ รองผู้กำกับการ สภ.เมืองเลย ในฐานะหัวพนักงานสอบสวนดูแลคดีนี้ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางเจ้าพนักงานสอบสวนได้เตรียมแจ้งข้อหาหนัก 3 ข้อหา และเตรียมออกหมายจับได้ภายวันพรุ่งนี้ ซึ่งคาดว่าหากมีหลักฐานที่พร้อม ขณะนี้รอระหว่างการตรวจสอบหมายเลข 13 หลักตามบัตรประชาชน รูปและชื่อของผู้ต้องหา ในความผิดฐานกรรโชกโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สิน และหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น กระทำโดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้กองปราบปรามได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่จังหวัดเลย เพื่อร่วมสอบคดีนี้ด้วยแล้ว เนื่องจากสืบทราบว่าผู้ก่อเหตุและผู้ถูกกระทำอาจเกี่ยวข้องกับขบวนการโจรกรรมรถยนต์ โดยมีลูกชายนายตำรวจใหญ่แถบจังหวัดปริมณฑลเป็นหัวหน้ากลุ่ม ซึ่งคดีนี้มิใช่การกรรโชกทรัพย์ทั่วไป แต่เป็นคดีปล้นทรัพย์ เพราะใช้อาวุธปืนและกระทำผิดร่วมกันเกินกว่า 3 คน.
ภาพ/ข่าว ภัทราวุธ บุญประเสริฐ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.เลย