- 19 ก.พ. 2561
ติดตามรายละเอียด FB : DEEPS NEWS
วันนี้ ( 19 ก.พ.) ที่กองบังคับการปราบปราม พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. เดินทางมายังกองบังคับการปราบปราม เพื่อรับตัวนายกฤษชาภณ พูลสิน อายุ 53 ปี อดีตทหารปลดประจำการ ผู้ต้องหาที่ถูกเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นห้องพักเลขที่ 2/28 อาคารที 10 คอนโดเมืองทองธานี ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี แล้วพบวัตถุระเบิด 6 ลูก ประกอบด้วย ระเบิดเอ็ม 26 จำนวน 1 ลูก ระเบิดปิงปอง 4 ลูกและไปป์ บอมบ์ 1 ลูก ที่ซุกซ่อนไว้ในห้องพัก จากทหารฝ่ายความมั่นคงที่ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ควบคุมตัวนายกฤษชาภณ ไปสอบปากคำ เพื่อขยายผลเพิ่มเติมตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561 เป็นเวลา 7 วัน
จากการสอบสวนนายกฤษชาภณ ยอมรับว่า ตัวเองเป็นเครือข่ายของนายโกตี๋จริง และร่วมชุมนุม นปช.และเข้าร่วมกับแกนนำ นปช.ในการก่อเหตุปาระเบิดเข้าไปในบ้านพักนายสำราญ รอดเพชร พิธีกรชื่อดัง และ อดีตโฆษเวทีกปปส.เมื่อช่วงปี 2557 โดยมีนายโกตี๋เป็นผู้สั่งการให้ปาระเบิด ซึ่งตำรวจได้ออกหมายจับ1.นางระพิน อุตรวิเชียร (เบิกจ่ายอาวุธจากโกตี๋) 2.นายวุฒิพงษ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ (เจ้าของอาวุธและวัตถุระเบิดและคนสั่งการ) 3.นายอุดมชัย นพสวัสดิ (มือขวางระเบิด) 4.นิคม ชัยต้นเชือก (คุ้มกัน มีอาวุธเป็นปืนพกสั้น) 5.นายพีรพัฒน์ หรือ ธวัชชัย บุญมาก (ดูต้นทาง) และ 6. นายกฤษชาภณ พูลสิน (ดูต้นทาง)
ทั้งนี้ก่อนวันก่อเหตุได้ใช้รถจักรยานยนต์ขับดูเส้นทางก่อนลงมือ 2 วัน ส่วนอีก 1 ชุดเดินทางโดยรถกระบะอิซูซู ตอนเดียวสีเขียวของสถานีเรดการ์ดเรดิโอ สำหรับแผนการลอบสังหารนายแทนคุณ จิตตอิสระ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ต้องหายอมรับว่า โกตี๋มีแผนที่จะลอบสังหารนายแทนคุณ ซึ่งก่อนหน้านี้นายธวัชชัยและนายเกษมนำอาวุธปืน M16 จำนวน 2 กระบอก ขับรถไปตระเวนตามนายแทนคุณ 2 ครั้งที่บริเวณพรรคประขาธิปัตย์ แต่ตอนนั้นตนไปด้วยเพราะอยู่ระหว่างประชุม
ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ สั่งการให้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม สอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่มเติม และขึ้นอยู่กับนายแทนคุณว่าจะร้องทุกข์กล่าวโทษหรือไม่ โดยเหตุการเกิดขึ้นเมื่อปี 2557 และกระบวนการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น และยังมีอีกหลายคดีที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง แต่เบื้องต้นยังไม่พบว่ามีผู้สั่งการเหนือกว่าโกตี๋
ขณะที่นายแทนคุณ ระบุว่า จะแจ้งความร้องทุกข์ และคาดหวังว่าจะมีการขยายผลต่อไป และอยากให้บทเรียนครั้งนี้เป็นเครื่องเตือนสติของผู้เข้าร่วมชุมนุม ให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย
ส่วนนายสำราญ ระบุว่า ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ยกคดีนี้ขึ้นมาดำเนินการและขยายผลจนนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ และที่สำคัญส่วนตัวยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ สภ.ปากเกร็ด แจ้งข้อหานายกฤษชาภณ มีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครอง ส่วนที่ สน.คันนายาว ศาลได้ออกหมายจับผู้ต้องหา 6 คนในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายต่อบุคคลอื่น หรือ ทรัพย์สินผู้อื่นได้รับความเสียหาย ร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ ไม่ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และพาอาวุธ (ลูกระเบิด) ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร