เกือบรอด !! รวบสารวัตรจราจร เรียกรับเงินรถสิบล้อควันดำ

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

ที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี ชุดสืบสวนของ ป.ป.ช. นำโดยนายสุทธิ บุญมี ผอ.สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ พร้อมทีมงานได้เข้าควบคุมตัว พ.ต.ท.สุรศักดิ์ หรือสิทธิโชติ ศรีสวัสดิ์กุล อายุ 55ปี ตำแหน่งสารวัตรจราจรกลาง มาจากบ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ย่านบางซื่อ กทม. หลังตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 1073/2559 ลงวันที่ 3 มิ.ย.59

 

ในกรณีตรวจพบเบาะแสข้อมูลการทุจริต “เงินรางวัลส่วนเเบ่งของการตรวจจับรถบรรทุกและรถยนต์ที่มีควันดำบนท้องถนน ระหว่างเดือน ต.ค.40 ถึงเดือน เม.ย.41” ในพื้นที่แขวงบางกะปิ เขตหัวยขวาง กทม. หลังศาลมีความเห็นชี้มูลว่ามีความผิดจริงในปี 55 และได้แจ้งข้อกล่าวหาว่าเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือของผู้อื่นโดยทุจริต หรือตามมาตรา 147 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์สินนั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-10ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 2,000-40,000 บาท

 

ทั้งนี้ นายสุทธิ บุญมี ผอ.สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ กล่าวว่า ในกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าวเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งเป็นการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ในการตรวจจับรถยนต์และรถบรรทุกที่มีควันดำที่วิ่งบนท้องถนน โดยทางเจ้าหน้าที่หากตรวจพบและตรวจจับได้ซึ่งหน้า ในกรณีที่ 1 ทางเจ้าหน้าที่จะได้ 50% ของเงินรางวัลนำจับ และอีก 50% เอาเงินรางวัลค่าปรับนำจับเข้าหลวง หรือในกรณีที่ 2 หากมีผู้แจ้งเบาะแสชี้นำจับเพิ่ม ผู้แจ้งเบาะแสจะได้รับเงินรางวัลส่วนแบ่ง 35% ของเงินรางวัลนำจับ

 

ในกรณีนี้ทางเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ได้รับแจ้งร้องเรียนว่ามีการพบเบาะแสในการทุจริตเงินรางวัลสินบนนำจับดังกล่าวอันเป็นเท็จของผู้แจ้งเบาะแสเพิ่มเติมขึ้นมาในส่วน 35% และทางเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่จะได้ส่วนแบ่ง 35% เข้าในข้อมูลของส่วนกรณีที่ 2 มีการสืบสวนสอบสวนในทางลับแล้ว ไม่พบผู้แจ้งเบาะแสที่แท้จริง แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนายนี้ได้ทำรายงานเข้าไปอันเป็นเท็จ อ้างว่ามีผู้แจ้งเบาะแสทุกครั้ง ทั้งที่เป็นการตั้งด่านจับกุมของตำรวจเอง โดยจากรายงานพบว่าที่ผ่านมามีวงเงินค่าปรับกว่า 8 ล้านบาท และมีส่วนต่างที่ยักยอกไปกว่า 20% ทำให้ทางภาครัฐสูญเสียรายได้ส่วนต่างไปเป็นเงินกว่า 2 ล้านบาท

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช.เคยชี้มูลความผิดนายตำรวจนายนี้แล้ว จนทำให้ต้องออกจากราชการ และมีหมายจับเมื่อปี 59 แต่เนื่องจากผู้ต้องหาหลบหนี จึงสืบสวนติดตามจับกุม จนกระทั่งสามารถควบคุมตัวได้เมื่อช่วงเช้าที่ห้องพักย่านเตาปูน ซึ่งคดีนี้จะหมดอายุความในเดือนเม.ย.นี้ 

 

ทั้งนี้ ป.ป.ช.ประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวส่งพนักงานอัยการ เพื่อส่งฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบต่อไป หากไม่ทันภายในวันนี้ ก็จะส่งตัวไปวันที่ 30 มี.ค.นี้ เวลา 11.00 น.