- 14 พ.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
เรียกได้ว่าช่วงนี้กระแสของผลิตภัณฑ์อวดอ้างสรรพคุณเกินจริงจะมีให้เห็นอยู่มาก ซึ่งความเป็นจริงแล้วมันมีผลอันตรายอย่างอื่นที่ไม่รู้แทรกซึมเข้ามาด้วย เช่นเดียวกันกรณีนี้ เมื่อ แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ รองอธิบดีกรมอนามัยและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเผยถึงประเด็นโฆษณาผลิตภัณฑ์น้ำยาบ้วนปาก อวดอ้างสรรพคุณเกินจริงผ่านโลกออนไลน์ และพบว่ามีอันตราย จึงออกมาเตือนประชาชนอย่าตกเป็นเหยื่อ พร้อมแนะวิธีใช้น้ำยาบ้วนปากถูกวิธี และหากพบปัญหาสุขภาพช่องปากให้พบทันตแพทย์
คลิ๊ก - คอลเกต พลักซ์ เปปเปอร์มินท์ เฟรช น้ำยาบ้วนปากสูตรไม่มีแอลกอฮอล์
แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ รองอธิบดีกรมอนามัยและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข
(เป็นเพียงรูปภาพประกอบ)
โดย แพทย์หญิงอัมพร กล่าวว่า ปัจจุบันมีการโฆษณาขายผลิตภัณฑ์น้ำยาบ้วนปากผ่านสื่อต่างๆ โดยเฉพาะบนสื่อออนไลน์ ซึ่งโฆษณาสรรพคุณว่าเมื่อใช้แล้วสามารถขจัดคราบหินปูน คราบพลัค คราบจุลินทรีย์ ทำให้หินปูนหลุดออกได้ และทำให้ฟันขาวขึ้นภายใน 1 สัปดาห์นั้น ขอเตือนว่า ไม่เป็นความจริง เนื่องจากน้ำยาบ้วนปากไม่สามารถกำจัดหินปูนให้หลุดออกมาได้
(เป็นเพียงรูปภาพประกอบ)
การใช้น้ำยาบ้วนปาก ไม่แนะนำให้ใช้เป็นกิจวัตรประจำวัน ให้ใช้เสริมการแปรงฟันในกรณีที่ทันตแพทย์แนะนำ มีข้อบ่งชี้ เช่น สุขภาพช่องปากไม่ดี ปากเป็นแผล เป็นโรคเหงือก มีการผ่าตัดเหงือก หรือคนที่มีแนวโน้มฟันผุง่าย ถ้าสุขภาพช่องปากเป็นปกติไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาบ้วนปาก เพราะการใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้เชื้อราในช่องปากเพิ่มขึ้นและเสียสมดุลในช่องปาก เนื่องจากในน้ำยาบ้วนปากมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค จึงขอย้ำประชาชนอย่าหลงเชื่อ เนื่องจากไม่มีผลทางวิทยาศาสตร์หรือทางการแพทย์มายืนยัน หากมีปัญหาควรปรึกษาแพทย์ดีที่สุด
(เป็นเพียงรูปภาพประกอบ)
ขณะเดียวกัน ทางด้าน ทันตแพทย์หญิงปิยะดา ประเสริฐสม ผู้อำนวยการกองทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กล่าวว่า จากการศึกษาพบว่า ประสิทธิภาพของน้ำยาบ้วนปากจะช่วยลดกลิ่นปากได้ชั่วคราว สามารถควบคุมกลิ่นปากได้ประมาณ 3 ชั่วโมงเท่านั้น จากนั้นประสิทธิภาพจะลดลง ควรใช้น้ำยาบ้วนปากเป็นครั้งคราวในกรณีที่ต้องการความมั่นใจ หากใช้เพื่อระงับกลิ่นปาก ควรแก้ที่สาเหตุของกลิ่นปากโดยตรง เช่น มีฟันผุ เป็นโรคเหงือกอักเสบ เป็นโรคระบบทางเดินอาหาร ทอนซิลอักเสบ หรือไซนัส ให้รับการรักษาอย่างตรงจุดและดูแลอนามัยในช่องปาก
(เป็นเพียงรูปภาพประกอบ)
โดยแปรงฟันให้สะอาดทุกวัน เพิ่มการทำความสะอาดลิ้น เนื่องจากฝ้าขาวบนลิ้นเป็นสาเหตุสำคัญของกลิ่นปาก ขณะเดียวกันควรใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดซอกฟันทุกวัน และในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ขวบ ไม่ควรใช้น้ำยาบ้วนปากทุกประเภท ทั้งประเภทที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และปราศจากแอลกอฮอล์ เนื่องจากยังไม่มีการควบคุมการกลืนที่ดี อาจมีการกลืนน้ำยาบ้วนปาก สำหรับน้ำยาบ้วนปากที่มีแอลกอฮอล์ผสม ห้ามใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี.
(เป็นเพียงรูปภาพประกอบ)
(เป็นเพียงรูปภาพประกอบ)
cr. สำนักสารนิเทศ กระทรวงสาธารณสุข