- 01 มิ.ย. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
จากกรณีที่มีบุคคลนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยได้โพสต์บทความลงในอินเตอร์เน็ต พาดหัวข่าวว่า ““บิ๊กตู่” ฟิวขาด ด่ากราดปปช. ไล่ให้เติม “น้ำเปล่า” แทนดีเซลอย่าโง่ วอนประชาชนอย่าเรื่องมาก”อันเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับ นายรัตนะ เฮง (Mr.Ratanak Heng) สัญชาติกัมพูชาหนังสือเดินทางเลขที่ N1745558 ในความผิดฐาน “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน”ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1154/2561 ลงวันที่ 30 พ.ค.2561
เเละได้ออกหมายเรียกและเชิญตัวผู้ต้องหาจำนวน 5 ราย ซึ่งเป็นผู้แชร์ต่อข้อมูลข่าวอันเป็นเท็จดังกล่าว ประกอบด้วย
1.นายธนวัชร์ อ้อนวอน
2.นายรุ่งโรจน์ ปรีชา
3.นางสาวปภาศร สระอุบล
4.นางสาวจิตาภา บุญทวี
5.นางสาวประภัสสร วันชูชิต
6.นายรฐนนท์ ชัยชนะ
เบื้องต้นทั้งหมดสารภาพว่าไม่มีเจตนาแอบแฝงหรือแนวคิดทางการเมือง แค่เห็นสถาณการณ์บ้านเมืองน้ำมันแพง เลยแชร์ข่าวจากเว็บไซต์ดังกล่าว
ล่าสุด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกัมพูชาได้เชิญตัวนายรัตนะ เฮง มาพูดคุย และทำความเข้าใจ โดยนายรัตนะ เฮง ยินยอมเดินทางพร้อมกับ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ไปยังประเทศไทย เพื่อเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน ปอท.
จากการสอบสวนนายรัตนะให้การว่า เว็บไซต์ดังกล่าวจดในนามของตนจริง อีกทั้งไม่มีส่วนรู้เห็นกับการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบ พร้อมขอโทษกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ที่สร้างความเสียหายให้กับทางรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การ หลังพบว่ามีรายได้เข้าบัญชีของนายรัตนะ ซึ่งเป็นเงินที่ได้จากการที่มีคนกดไลค์ กดแชร์ติดตามข่าวสาร อีกทั้งเจ้าตัวยังชื่นชอบติดตามข้อมูลข่าวสารจากประเทศไทย เพื่อหาข้อมูลมาสร้างข่าวบิดเบือนอีกด้วย
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหาย ความสับสนในข้อมูลข่าวสารในประเทศ และกระทบต่อเสถียรภาพของทางรัฐบาล ซึ่งทางตนได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจปอท.ให้ตรวจสอบเว็บไซต์ดังกล่าว จนทราบว่าจดทะเบียนโดยนายรัตนะ เฮง ชาวกัมพูชา อีกทั้งมีการสร้างข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
โดยรอบปีนี้มีการนำข้อมูลอันเป็นเท็จถึง 3 ครั้ง มีการบิดเบืยนข้อมูลการสัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรี 1 ครั้ง บิดเบือนด้านนโยบายรัฐบาล 1 ครั้ง และโจมตีการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในจังหวัดนครราชสีมา โดยข้อมูลที่เผยแพร่ออกไปทางโซเชียล ถูกส่งต่อออกไปเป็นจำนวนมาก .
ขอบคุณรูปภาพประกอบ: touristpolice.go.th