- 14 ก.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
จากกรณีทีมนักฟุตบอลเยาวชนและโค้ชรวม 13 คน ติดอยู่ภายในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 23 มิ.ย. 61 โดยเจ้าหน้าที่พยายามเร่งค้นหาตัวผู้สูญหายภายในถ้ำ พร้อมกับระดมเครื่องสูบน้ำระบายให้เจ้าหน้าที่ทำงานด้านในสะดวกขึ้น รวมถึงหาโพรงที่คาดว่าน้ำอาจจะซึมเข้าไปด้านใน นำไปสู่การค้นพบโพรงที่สามารถเชื่อมต่อกับภายในถ้ำหลวงได้ โดยล่าสุดนั้นสามารถนำเด็กๆและโค้ชออกมาได้อย่างปลอดภัย
ก่อนหน้านี้ช่วงที่เจ้าหน้าที่นำรั้วเหล็กมาปิดทางเข้า-ออก และไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกพื้นที่ ซึ่ง นางนภาสรณ์ ทาตุการ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 บ้านจ้อง ต.โป่งผา อำเภอแม่สาย จ.เชียงราย เปิดเผยว่า น้ำที่สูบออกก็จะไหลผ่านในชุมชนหมู่บ้านบ้านจ้องเพราะเป็นต้นน้ำ หลังจากนั้นแล้วน้ำจะไหลไปยังหมู่บ้านอื่น ๆ และตำบลใกล้เคียง จนกระทั่งไหลลงสู่แม่น้ำรวก แล้วไหลไปสู่แม่น้ำโขง
“น้ำที่สูบออกจะไหลไปตามธารสายน้ำ ไม่ได้มีน้ำขัง เนื่องจากเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทางหมู่บ้านได้ทำการขุดลอกคูคลอง และด้านบนหมู่บ้านมีการจัดทำโครงการแก้มลิง เพื่อป้องกันน้ำท่วม ทำให้การสูบน้ำที่ถ้ำทรายทอง ไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชนแต่หากกระทบในชุมชน ชาวบ้านก็เต็มใจที่จะให้มีน้ำผ่านเพราะทุกคนอยากที่จะช่วยเหลือเด็กๆ ทั้ง 13 คน ส่วนการที่น้ำไหลลงไปท่วมในพื้นที่นาของชาวบ้าน ตนยังไม่เห็นว่ามีชาวบ้านเข้ามาแจ้ง ซึ่งแม้จะท่วม แต่ชาวบ้านก็ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะตอนนี้บางที่ยังไม่ถึงฤดูดำนา บางจุดอาจอยู่ในระหว่างการหว่านต้นกล้า จึงยังสามารถรับน้ำได้”
ล่าสุดวันนี้(14ก.ค.) ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า กิตติศักดิ์ เจริญทรัพย์ ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพเล่าถึงเหตุการณ์ที่มีประชาชนจิตอาสา รวมทั้งนักศึกษากว่าร้อยคน ช่วยกันปลูกข้าวช่วยชาวนาที่ถูกน้ำท่วมรอบๆถ้ำหลวง โดยข้อความทั้งหมดระบุว่า
น้ำใจคนไทย จะเห็นได้ชัดเจน เมื่อทุกครั้งที่เกิดมีวิกฤติขึ้น
#จิตอาสาและนักศึกษากว่าร้อยคน
ร่วมกัน ปลูกข้าวช่วยชาวนารอบๆ .... ถ้ำหลวง
แทนของเดิมที่เน่าเสีย
ราชสีห์ รส.
ขอบคุณเฟซบุ๊ก : กิตติศักดิ์ เจริญทรัพย์