- 08 ก.ย. 2561
แจ้งข้อหาฆ่าเจตนาพ่อเลี้ยงหื่นพยายามขืนใจน้องเมย์
จากกรณีเมื่อเวลา 07:50 น.วันที่ 7 กันยายน 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลตลาดพลู รับแจ้งมีหญิงสาวเสียชีวิต ภายบ้านเลขที่ 46 ซอยเทอดไท 23 แขวงตลาดพลู เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ เป็นอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้น โดยพบศพหญิงสาว 1 ราย เสียชีวิตโดยมีผ้าห่มคลุมร่างกายไว้ โดยผู้ตายไม่ได้สวมใส่ เสื้อผ้า ใบหน้ามีรอยช้ำ โดยมีขนเพชรและขนหน้าแข้งตกอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ โดยทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นางสาวธิดากาณต์ รัตนอุทัยวงศ์ อายุ 18 ปี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจตำรวจสถานีตำรวจนครบาลตลาดพลู ประสานเจ้าหน้ากองพิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บรายละเอียดและหลักฐานในที่เกิดเหตุ
สอบถาม นายพันธ์ปิติ เจริญลาภ อายุ 19 ปี ซึ่งเป็นแฟนหนุ่มของผู้ตายได้ ได้ให้การเบื้องต้น ว่า ตนเองได้เลิกงานมาเพื่อมาปลุกผู้ตายในตอนเช้า เพื่อไปเรียนปรากฎผู้ตายนั่นเสียชีวิตแล้ว จึงได้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรจงสถานีตำรวจนครบาลตลาดพลู ยังไม่ทราบว่าผู้เสียชีวิตนั่น เสียชีวิตด้วยสาเหตุใดแต่ในเบื้องต้องรอผลชันสูตร จากแพทย์นิติเวชโรงพยบาลศิริราช และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
ต่อมา พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผบก.น.8 ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี ผกก.สส.บก.น.8 นำกำลังเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.8 ควบคุมตัว นายแทน (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุฆาตกรรม น.ส.เมย์ มาสอบสวนที่ สน.ตลาดพลู โดยนายแทน นั้นมีความสัมพันธ์เป็นพ่อเลี้ยง น.ส.เมย์ ซึ่งชุดคลี่คลายคดีตรวจสอบพบภาพกล้องวงจรปิดในละเเวกจุดเกิดเหตุบันทึกภาพ นายแทน ไปวนเวียนอยู่ใกล้บ้านที่เกิดเหตุในช่วงเวลา 01.00-03.00 น.ที่ผ่านมา โดยจากการเค้นสอบปากคำ นายแทนยอมรับสารภาพว่าได้ทำร้ายน้องเมย์และบีบคอจริง แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้ข่มขืนแต่อย่างใด
ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานเวลา 08.00 น. วันที่ 8 ก.ย. 2561 ที่ สน.ตลาดพลู พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผบก.น.8 สั่งการให้ พ.ต.อ.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ รอง ผบก.น.8 เดินทางมาควบคุมการสอบปากคำ นายทศพล หรือแทน พรหมชาติ อายุ 34 ปี ผู้ต้องสงสัยซึ่งเป็นพ่อเลี้ยง น.ส.ธิติกานต์ หรือน้องเมย์ รัตนอุทัยวงศ์ อายุ 19 ปี ผู้ตายซ้ำอีกครั้ง
โดยผู้ต้องสงสัยให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง ก่อนเกิดเหตุเสพยาไอซ์และดื่มเบียร์จนเมามายได้ที่ ก็ขับรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทันพลัส สีดำ ทะเบียน 2 ฒฆ 3700 กรุงเทพมหานคร ไปจอดหน้าปากซอยเทอดไทย 22 ในช่วงเวลาประมาณ 01.30 น.วันที่ 7 ก.ย. จากนั้นเดินเท้าเข้าไปที่บ้านหลังเกิดเหตุก่อนใช้กุญแจไขเข้าไปแล้วเดินขึ้นไปบนห้องนอนลูกเลี้ยงบริเวณชั้น 3 ยืนยันยังไม่ได้ข่มขืนผู้ตายเพราะผู้ตายต่อสู้ขัดขืนจึงต้องฆ่ารัดคอ จากนั้นจึงหยิบผ้าขนหนูในห้องผู้ตายคลุมศีรษะเดินออกจากบ้านที่เกิดเหตุมาเมื่อเวลา 03.00 น.ของวันเดียวกัน
จากการแนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่าหลังจากนั้น นายทศพล ก็ขับรถกลับไปที่ห้องพักย่านลาดพร้าว เพื่อกลับไปหา นางมะปรางค์ ตรีกุล อายุ 40 ปี แม่ของผู้ตาย และลูกน้อยที่เพศชาย วัย 5 เดือน ที่เกิดจากตัวเองตามปกติ โดยไปถึงห้องประมาณ 06.00 น.ก่อนอาบน้ำแต่งตัวแล้วขับรถไปทำงานต่อที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านปทุมวัน โดยปัจจุบัน นายทศพล ทำงานเป็นช่างอยู่ที่โรงแรงแห่งนั้น โดยตลอดทั้งวัน นายทศพล ได้พยายามติดต่อหาเพื่อนสนิทที่ จ.กาญจนบุรี บ้านเกิดเพื่อให้ช่วยตระเตรียมเส้นทางหลบหนี ทว่าช้ากว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.8 ที่สามารถแกะรอยติดตามไปเชิญตัวมาสอบสวนได้หลังพบศพผู้ตายเพียงไม่กี่ชั่วโมง กระทั่ง นายทศพล ถูกสอบเค้นจนยอมรับสารภาพออกมาเองในที่สุด
เบื้องต้นชุดจับกุมจึงคุมตัว นายทศพล ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในช่วงเช้าตรู่ที่ผ่านมาเพื่อป้องกันญาติพี่น้องผู้ตายรุมทำร้าย ก่อนแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อนกับข้อหาเสพไอซ์ แก่ นายทศพล จากนั้นพาตัวไปขอหมายขังจากการใช้วิธีติดตามตัวผู้ก่อเหตุแบบทันทีทันใดที่ศาลอาญาธนบุรี ส่วนข้อหาที่เกี่ยวกับการคุกคามทางเพศนั้นต้องรอผลตรวจจากแพทย์ที่จะส่งมายืนยันพร้อมดีเอ็นเอจากบาดแผลรอบข่วนที่แขนซ้าย ของ นายทศพล ด้วย หากพบว่ามีการล่วงละเมิดทางเพศผู้ตายก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกันต่อไป
ขณะที่แม่ของผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นภรรยาของผู้ต้องสงสัย ได้เดินทางมาที่ สน.ตลาดพลู เพื่อให้คำเพิ่มเติม โดยระบุว่า ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในฐานะแม่ที่สูญเสียลูก และในฐานะภรรยา จากการสอบถามสามีระบุว่า เพียงขึ้นตักเตือนลูกเลี้ยงบนห้องที่เปิดไฟ และหน้าต่างทิ้งไป จนเกิดปากเสียงทำให้บันดาลโทสะบีบคอผู้ตายจนเสียชีวิต ซึ่งตนก็ยังไม่ได้ปักใจเชื่อเพราะจากพฤติกรรมที่เดินทางมาจากห้องพักย่านลาดพร้าวมาถึงที่เกิดเหตุมีลักษณะคล้ายการวางแผนล่วงหน้า แม้สามีจะอ้างว่าแค่นำของมาเก็บก็ตาม เหตุที่ไม่ปักใจเชื่อเนื่องจากประมาณ 1 ปีที่แล้ว ลูกสาวมาบอกว่าพ่อเลี้ยงมาจับแขนลักษณะลวนลาม แต่ในตอนนั้นก็ยังไม่มั่นใจแต่ก็กลัวจะมีปัญหากันจึงตัดสินใจย้ายออกไปอยู่ห้องพักย่านลาดพร้าว ในตอนนี้ยังไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะตนเองอยู่กินกับสามีมานานถึง 7 ปี และมีลูกด้วยกัน 1 คน อายุ 4 เดือน จึงอยากขอฟังความจริงจากปากของสามีถึงเหตุผลที่ต้องฆ่าลูกสาว