- 19 ต.ค. 2561
ยิ่งลึกยิ่งฉาว เพื่อนบ้านโผล่แฉอีกแม่เลี้ยงบังคับเด็กชาย14ทำร้ายตัวเองแล้วถ่ายคลิปไว้ดู
จากกรณีที่แม่เลี้ยงร่วมกับพ่อแท้ๆ ทำร้ายลูกอายุ 14 ปี มานานหลายปี จนเด็กชายต้องหนีออกจากบ้าน ด้วยการปั่นจักรยานหนีไปหาแม่แท้ๆ ที่ จ.ระยอง โดยใช้เวลาปั่นจักรยานจากปทุมธานี 3 ชั่วโมง ไปถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อให้แม่มารับกลับไปอยู่ด้วย เหตุเกิดที่โครงการบ้านเอื้ออาทร ม.44 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.คลองหลวง สามารถจับกุมทั้ง น.ส.นรินทร แม่เลี้ยง และ นายอัครเศรษฐ์พร ผู้เป็นพ่อโดยจับได้ที่บ้านญาติ ย่านสายไหม กรุงเทพมหานคร และจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสภ.คลองหลวง ได้นำตัว น.ส.นรินทร และนายอัครเศรษฐ์พร เข้าห้องขังโดยไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวกันอยู่
ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนเข้าไปที่ห้องขังนั้น ทางด้าน น.ส.นรินทร (แม่เลี้ยง) ได้วิ่งเข้ามาตบกล้องของผู้สื่อข่าวที่กำลังถ่ายวิดีโออยู่ และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่าทางนายอัครเศรษฐ์พร ของเด็กชายอายุ 14 ปี ยอมรับสารภาพว่าตนเองเป็นคนตีลูกเอง ไม่ได้เกี่ยวกับแม่เลี้ยงที่ตนทำไปนั้นเป็นการสั่งสอนเพียงเท่านั้น
เด็กชายที่ถูกทำร้าย เรียนอยู่ที่โรงเรียนเทศบาลท่าโขลง 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และทางเพื่อนๆ บอกว่า เพื่อนที่ถูกแม่เลี้ยงทำร้ายนั้นนิสัยดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น และเพิ่งจะเข้ามาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ เมื่อตอน ม. 2 ซึ่งแผลที่อยู่ตามตัวนั้นตนเห็นมาตั้งแต่ตอนเข้าเรียนใหม่ๆ แล้ว ซึ่งตนก็ได้ถามว่าไปโดนอะไรมา โดยเพื่อนบอกว่าจักรยานล้ม และไม่ได้บอกความจริงว่าถูกแม่เลี้ยงกับพ่อทำร้าย ตนจึงเพิ่งจะมาทราบตอนที่เป็นข่าวนี้เอง และก็รู้สึกสงสารเพื่อนที่ต้องมาถูกกระทำเช่นนี้
โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2561 ได้มีการสัมภาษณ์เพื่อนบ้านของฝั่งพ่อและแม่เลี้ยงได้ความว่าแม่เลี้ยงนั้นเข้ากับเพื่อนบ้านไม่ค่อยได้ มีพฤติกรรมหยาบคายชอบพูด"กู-มึง" ตนไม่เคยเห็นเวลาที่แม่เลี้ยงลงมือกับเด็กแต่มักจะเห็นรอยแผลบนตัวเป็นประจำเรียกว่าไม่มีวันไหนที่เด็กไม่เป็นแผล ส่วนพ่อของเด็กก็กลัวแม่เลี้ยงรู้ทั้งรู้ว่าลูกถูกทำร้ายก็ไม่กล้าช่วยเหลือลูกโดนตีก็ได้แต่นั่งดูเพราะถ้าเข้าไปช่วยตนก็จะถูกด่า ทำอะไรต้องอยู่ใต้อำนาจเมียตลอด
ทั้งนี้ยังเล่าอีกว่าแม่เลี้ยงไม่ถูกใจไม่พอใจอะไรก็จะไปลงกับลูก เงินไม่พอใจก็ไปลงกับลูก ส่วนลูกเองเคยถามเรื่องแผลแล้วก็ตอบแค่ว่าหกล้มหรืออุบัติเหตุไม่กล้าบอกว่าแม่ตีเพราะคงกลัวว่าถ้าแม่รู้ว่าไปบอกคนอื่นจะยิ่งโดนทำร้ายหนักขึ้น
ส่วนตัวเห็นว่าเด็กคนนี้ซื่อสัตย์นิสัยดี มีสัมมาคารวะ ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ตลอด เมื่องานปีใหม่ที่แล้วยังเล่นดนตรีให้ผู้สูงอายุฟัง ก่อนหน้านี้ตนก็เคยเสนอจะช่วยเลี้ยงเด็กแต่ครอบครัวนี้ไม่ยอม ตนกล่าวว่าเมื่อรู้ข่าวที่เกิดขึ้นตนรับไม่ได้อย่างมากที่แม่เลี้ยงทำกับเด็กอย่างนี้
วันที่ 17 ต.ค. 2561 หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวพ่อและแม่เลี้ยงพร้อมแจ้งข้อหา ค้านประกัน ได้สัมภาษณ์เพื่อนบ้านของครอบครัวนี้อีกครั้งโดยเพื่อนบ้านซึ่งบอกว่าตนสนิทกับปู่ของเด็กเล่าว่าปู่ของเด็กมักจะนำเรื่องในครอบครัวมาระบายให้ฟังอยู่บ่อยๆว่าลูกสะใภ้คนนี้ชอบวางอำนาจข่มขู่ทุกคน ทั้งสามี ลูก และพ่อสามี ต้องอยู่ใต้อำนาจทั้งหมด
ที่ผ่านมาลูกสะใภ้เหมือนคนเล่นของชอบทุบตีลูก เอาดินสอแทงและทารุณสารพัดโดยอ้างว่าองค์ลง พฤติกรรมเหมือนคนเล่นของซึ่งสาเหตุที่ปู่ของเด็กบวชเป็นพระก็เพราะสุดจะทนกับลูกสะใภ้คนนี้ แต่ลูกชายหรือพ่อแท้ๆของเด็กไม่เคยทำร้ายลูกที่สารภาพนี่คงต้องการจะรับผิดแทนเมีย
เพื่อนบ้านเล่าว่าที่ผ่านมาคนในหมู่บ้านอยากจะช่วยเหลือเด็กมากๆแต่เมื่อเข้าไปยุ่งก็จะถูกด่าว่าอย่างหยาบคายกลับมา นอกจากนี้ยังเคยมีเรื่องว่าแม่เลี้ยงบีบคอเด็กจนสลบ เด็กถูกทารุณมาหลายปี จริงๆแล้วปู่ของเด็กก็ไม่ค่อยรักหลานเท่าใดก็ปล่อยให้ถูกทำร้าย
แม่เด็กมักจะเอาความไม่พอใจไปลงกับเด็กไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินทองหรือกระทั่งสามีไม่ทำการบ้านก็จะไประบายทุบตีลูกทำตัวเหมือนคนจิตไม่ปกติ
ต่อมาเมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2561 มีรายงานศาลจังหวัดธัญบุรี หลังจากที่พนักงานสอบสวนได้ส่งตัว นางสาวนรินทร และ นาย อัครเศรษฐ์พร ที่ทำร้าย ด.ช.วัย 14 ปี ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดธัญบุรีเป็นผลัดแรกนั้น ทางศาลพิจารณาคดีให้อนุญาตให้ประกันตัวทั้ง 2 คน โดยใช้หลักทรัพย์การประกันตัวคนละ 1 แสนบาท
โดยได้มีการเปิดเผยเพิ่มเติมจากเพื่อนบ้านอีกคนหนึ่งว่าแม่เลี้ยงของเด็กมีพฤติกรรมโหดเหี้ยมจนคนในหมู่บ้านรับไม่ได้ เคยบังคับให้เด็กกรีดข้อมือตัวเองแล้วก็ถ่ายคลิปวีดีโอเก็บไว้ดู โดยตอนแรกเด็กไม่ยอมแต่แม่เลี้ยงก็บีบบังคับจนเด็กต้องยอมทำตาม พฤติกรรมเหมือนคนมีปัญหาทางจิต
เพื่อนบ้านคนนี้กล่าวว่ารู้สึกงงที่พ่อและแม่เลี้ยงได้ประกันตัวออกมาเพราะมีพฤติกรรมเช่นนี้ทำไมเอาผิดไม่ได้หรือลงโทษหนักกว่านี้ไม่ได้ ตอนนี้กังวลเรื่องความปลอดภัยของเด็ก เพื่อนบ้านเองก็ไม่ให้อภัยและรุมสาปแช่งพร้อมลงความเห็นเช่นเดียวกันว่าไม่อยากให้พ่อและแม่เลี้ยงของเด็กกลับมาอยู่ที่บ้านหลังเดิมนี้อีก
ขอบคุณ ทุบโต๊ะข่าว อัมรินทร์ทีวี