- 14 พ.ย. 2561
"รองศาสตราจารย์ สุวินัย ภรณวลัย" อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว ชื่อ "Mr. Suvinai Pornavalai" โดยข้อความระบุว่า " พรรคพลังประชารัฐ กับ บทเรียนการกินรวบประเทศไทยของตระกูลชินวัตร / สุวินัย ภรณวลัย
หลังจากที่มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวานที่ผ่านมา (13 พ.ย.) ของ"พรรคพลังประชารัฐ" บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก เนื่องจากมีบรรดาอดีตรัฐมนตรี , อดีตส.ส. , ผู้นำองค์กร และประชาชน ทั้งนี้ ผู้ที่มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคที่น่าสนใจ เช่น "นายวีรกร คำประกอบ" อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาล
"พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ" อดีตนายกฯ , "นายยุทธนา โพธสุธน" หลานชาย "นายประภัตร โพธสุธน" เลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา , "นายทศพล เพ็งส้ม" อดีตส.ส.นนทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ และ"นางภัทธมน เพ็งส้ม" รองนายกเทศมนตรี เทศบาลเมืองพิมลราช นนทบุรี , "นายณพงศ์ นพเกตุ" ผอ.นิด้าโพล , "นายวนัสธนา" หรือ"ธวัชชัย สัจจกุล" (บิ๊กหอย) อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ "พรรคไทยรักไทย" ,
"นายเชษฐวุฒิ วัชรคุณ" หรือ"บ๊วย" นักแสดงและพิธีกรชื่อดัง และกลุ่มนักร้องนักดนตรี ผู้พิการทางสายตา วงเอส 2 เอส นำโดย "นายต่อพงษ์ เสลานนท์" นายกสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย และ"นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์" ทนายความชื่อดัง รวมไปถึง นักการเมืองท้องถิ่น-เมืองปราสาทหินบุรีรัมย์ นอกจากนี้ วันที่ 8 พ.ย.นี้ จะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ เข้าร่วมสมัครเป็นสมาชิกพรรคฯอีกด้วย ...
ล่าสุด "รองศาสตราจารย์ สุวินัย ภรณวลัย" อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว ชื่อ "Mr. Suvinai Pornavalai" โดยข้อความระบุว่า " พรรคพลังประชารัฐ กับ บทเรียนการกินรวบประเทศไทยของตระกูลชินวัตร / สุวินัย ภรณวลัย
พรรคพลังประชารัฐคงไม่มีโอกาสแจ้งเกิดทางการเมืองหรอก ถ้าระบอบทักษิณไม่คิดการใหญ่มุ่งหวังกินรวบประเทศไทยตั้งแต่แรก
ประชาชนชนชั้นกลางไทยที่ลุกขึ้นมาต่อต้านระบอบทักษิณอย่างเอาเป็นเอาตายในช่วง 13 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นขบวนการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือขบวนการกปปส. หลักๆแล้วคือมุ่งต่อต้านการกินรวบประเทศไทยของตระกูลชินวัตรทั้งสิ้น มิใช่เรื่องอื่นเลยชนชั้นกลางไทยได้ให้บทเรียนราคาแพงแก่ตระกูลชินวัตรเป็นตัวอย่างให้เห็นกันจะๆแล้วว่า ไม่ว่าหน้าไหนที่คิดจะกินรวบประเทศไทย รับรองว่าจะเจอดีแน่นอน
"กระบวนการปรับตัวของระบบทางการเมือง" ในยุค 'หลังทักษิณ' เกิดขึ้นอย่างช้าๆตั้งแต่หลังการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม ปี 2557 กองทัพหรือคสช.รู้ดีตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่า จะช้าหรือเร็วก็ต้องคืนอำนาจให้แก่ประชาชนผ่านการเลือกตั้งเข้าสู่กระบวนการประชาธิปไตยทางรูปแบบ
แต่กองทัพก็ได้บทเรียนหลังรัฐประหารปี 2549 กับรัฐบาลขิงแก่ ที่นำไปสู่การร่วมมือระหว่างกองทัพกับกลุ่มนักการเมืองอดีตลูกน้องทักษิณ(เนวินและเครือข่าย) และบทเรียนหลังตั้งรัฐบาลพลเรือนในค่ายทหารปี 2552 และการเผาเมืองของพวกเสื้อแดงในปี 2553 ว่า ระบอบทักษิณเป็นภัยต่อความมั่นคง มีความจำเป็นต้องสถาปนา "ขั้วอำนาจใหม่ถาวร" หลังการรัฐประหารปี 2557
ยุทธศาสตร์การสถาปนาขั้วอำนาจใหม่ถาวร ที่เป็นการจับมือกันจัดสรรปันส่วนอำนาจระหว่าง ทหาร เทคโนแครต ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทุนใหญ่ และเครือข่ายนักการเมืองทั้งหลายที่ไม่อยู่ในการบงการของทักษิณและตระกูลชินวัตร โดยไม่มีกลุ่มใดสามารถกินรวบประเทศไทยเพียงลำพังเหมือนอย่างตระกูลชินวัตร ... คือสมการล่าสุดของโครงสร้างอำนาจในปัจจุบัน
ประชาชนไทยส่วนใหญ่ในประเทศนี้ มีคุณภาพแค่นี้ จึงได้โครงสร้างอำนาจประมาณนี้เท่านั้นแหละในขั้นตอนประวัติศาสตร์ตอนนี้ กล่าวคือ ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่เป็นได้แค่ 'กบเลือกนาย' ว่าจะเอาขั้วอำนาจของฝ่ายไม่เอาทักษิณและตระกูลชินวัตร หรือจะเอาขั้วอำนาจของฝ่ายทักษิณและตระกูลชินวัตรเท่านั้นเอง
ตัวตนของพรรคพลังประชารัฐ มิใช่สิ่งใดอื่น คือ พรรคของรองนายกฯสมคิด หรือพรรคไทยรักไทยเก่าที่ไร้ทักษิณและตระกูลชินวัตรนั่นเอง รองนายกฯสมคิดได้ใช้เครือข่ายเทคโนแครท เครือข่ายนายทุนใหญ่สายต่างๆที่ไม่ใช่สายของตระกูลชินวัตร รวมทั้งเครือข่ายนักการเมืองเก่าตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย จัดตั้งขึ้นมาเป็นพรรคการเมืองเพื่อร่วมมือจัดสรรปันส่วนอำนาจกับกองทัพภายหลังการเลือกตั้ง
ตอนนี้ผมมองข้ามชอร์ตไปอีกห้าปีข้างหน้าแล้วว่า หลังจากที่คสช.โดยเฉพาะ พลเอกประยุทธ์ลงจากอำนาจและหลังเสือ พรรคพลังประชารัฐและพันธมิตรพรรคการเมืองอื่นๆ จะบริหารประเทศต่อไปยังไง โดยไม่ให้มีการกินรวบประเทศไทยได้อีกเหมือนสมัยระบอบทักษิณเถลิงอำนาจ ... เป็นที่ชัดเจนว่าทางฝ่ายนี้กำลังใช้ แนวทางของพลเอกเปรมในอดีตในช่วงนี้เพื่อเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยเต็มใบในอีกห้าปีข้างหน้า โดย 'ลุงตู่' คือ ป๋าเปรมคนที่สอง ที่จะมารับบทบาทแทนป๋าเปรมที่ตอนนี้อายุใกล้ร้อยปีแล้วในการค้ำบัลลังก์และเสถียรภาพของโครงสร้างอำนาจมิให้ถูกนักการเมืองกินรวบได้อีกเหมือนสมัยทักษิณ
ดูเหมือนประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเดิมแต่ไม่ย่ำอยู่กับที่ เพราะมีการยกระดับการวิวัฒนาการแบบหมุนขึ้นเป็นเกลียวหรือ Spiralตอนนี้ ประชาชนทำได้อย่างมากแค่สนับสนุนพรรคการเมืองที่มาจากประชาชนจริงๆเท่านั้นเพื่อเข้าไปมีเอี่ยว มีปากมีเสียงในโครงสร้างอำนาจใหม่หลังการเลือกตั้งเท่านั้นเอง
ประชาชนถ้าอ่านหมากทั้งกระดานตรงนี้ไม่ขาด อาจเดินหมากผิดพลาดจนเสียหายทั้งกระดานได้
ประชาชนต้องแยกแยะมิตรและศัตรูเฉพาะหน้าให้ออก แยกแยะงานใหญ่ งานด่วน งานรองให้เป็น
ประชาชนต้องเฝ้าระวังคอยตรวจสอบอย่าให้ใครคิดกินรวบประเทศไทยได้อีก ไม่ว่าฝ่ายไหนก็ตาม"