- 29 พ.ย. 2561
อัยการ ชี้ "ลูกน้อง-ผู้บริหาร" บริษัทไฟเเนนซ์โหด ยึดรถกลางห้างดัง ส่อ ปล้นทรัพย์!
กลายเป็นกรณีที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก สำหรับกรณีที่กลุ่มชายกลุ่มหนึ่งอ้างว่าตัวเองมาจากบริษัทไฟแนนซ์ โดยมีการรุมทำร้ายร่างกายพากันรุมล็อคคอ และกระชากตัวชายเจ้าของรถให้ลงจากรถ โดยภรรยาของชายเจ้าของรถบันทึกคลิปเหตุการณ์เอาไว้ได้ โดยมีเฟซบุ๊กชื่อ Watcharin Detsri โพสต์คลิปเป็นเหตุการณ์ที่กลุ่มชายฉกรรจ์ 7-8 คน อ้างว่าเป็นพนักงานจากบริษัทไฟแนนซ์ รุมทำร้าย ต่อหน้าภรรยา แม่ และลูกวัย 1 ขวบ เพื่อที่จะยึดรถ ซึ่งชายเหล่านั้นได้พากันรุมล็อกคอ และกระชากตัวชายเจ้าของรถให้ลงจากรถ โดยภรรยาของชายเจ้าของรถ บันทึกคลิปเหตุการณ์ไว้ตลอด
ต่อมา นายวัชรินทร์ เดชศรี อายุ 34 ปี (ผู้เสียหาย) ทำอาชีพทำสวน ใน ต.เขาเขน อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ ได้ออกมาเปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 12 พ.ย. ที่ผ่านมา ตอนนั้นตนขับรถกระบะ สีขาว พาภรรยา แม่และลูกชายวัย 1 ขวบเศษ มาซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในตัวเมืองกระบี่ แต่ขณะที่กำลังขับรถมาจอดที่ลานจอดรถนั้น ได้มีรถยนต์มาจอดปิดหัวปิดท้ายล้อมรอบรถตน ประมาณ 4 คันได้ จากนั้นมีกลุ่มชายฉกรรจ์ ลงมาล้อมรถตนไว้ ตอนนั้นก็ไม่รู้จริงๆว่าเขาเป็นใคร หลังจากนั้นก็ได้มีปากเสียงกัน และชายคนหนึ่งในกลุ่มก็บอกว่าจะมายึดรถ และได้มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาพูดจาต่อว่าตน บอกว่าตนหาเรื่องลูกน้องของเขา พร้อมทั้งผลักตน ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ชุลมุนอย่างทีได้เห็นในคลิป โดยมีคนเข้ามาล็อกคอแล้วแย่งดึงกุญแจรถไป และรุมทำร้ายร่างกาย ตนรู้สึกว่ามีมือมาชกเข้าที่ใบหน้า 2-3 ครั้ง จนตนได้รับบาดเจ็บ ชายกลุ่มดังกล่าวก็กระจายกันออกไป พร้อมยึดกุญแจรถของตนไปด้วย ท่ามกลางความตกใจของคนในครอบครัว จากนั้นก็ได้แจ้งญาติก็ได้ช่วยกันนำตัวตนส่งโรงพยาบาล ซึ่งตอนนั้นรักษาตัวอยู่หลายวัน
เเละเมื่อวันที่ 28 พ.ย. 61 ศูนย์ดำรงธรรม จ.กระบี่ นายวัชรินทร์ เดชศรี อายุ 34 ปี เข้าร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ พร้อมกล่าวว่า หลังจากที่ตนเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองกระบี่ กลุ่มชายฉกรรจ์ยอมนำกุญแจมาคืนให้ แล้วบอกว่าจะไม่ยึดรถตนแล้ว ให้เรื่องจบไปก่อน แต่ตนยอมรับพฤติกรรมดังกล่าวไม่ได้ จึงเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองกระบี่ นายวัชรินทร์ ยอมรับว่า รถตนขาดการผ่อนชำระจริง เนื่องจากรายได้ในช่วงหลังไม่เพียงพอ จนกระทั่งบริษัทฟ้องศาล และศาลสั่งให้ตนชำระยอดเงินที่ค้างอยู่ประมาณกว่า 500,000 บาท หากไม่สามารถชำระได้ ก็ให้คืนรถให้บริษัท หลังจากนั้น ประมาณเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ตนก็พยายามเจรจาไกล่เกลี่ยกับบริษัท เนื่องจากจำเป็นต้องใช้รถในการทำงาน โดยรับปากว่าจะเร่งหาเงินมาจ่ายให้ภายใน 3 เดือน ตอนนี้ตนใกล้จะได้เงินครบแล้ว ซึ่งหากทางบริษัทแจ้งให้ทราบว่าจะต้องยึดรถ แล้วพนักงานมาแสดงตัวให้ชัดเจน พูดจากันดี ๆ ตนเองก็ยอมรับ แต่กลับแสดงพฤติกรรมที่ป่าเถื่อนรุนแรง จึงเห็นว่าไม่เหมาะสม อยากให้ตำรวจเร่งทำคดีนี้ให้ด้วย
ภาพจำลองเหตุการณ์
ด้าน นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีสำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด เปิดเผยผ่านอมรินทร์ทีวีว่า กรณีดังกล่าวหากไฟแนนซ์ต้องการยึดทรัพย์สิน จะต้องฟ้องศาล เนื่องจากในรถยนต์ นอกจากทรัพย์สินที่เป็นรถ ยังมีทรัพย์สินของเจ้าของรถอย่างอื่นอีก เช่น เงินสด ทั้งยังใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อการได้มาซึ่งทรัพย์สินของผู้อื่น ถือว่าผิดกฎหมายในข้อหาปล้นทรัพย์ ไม่สามารถยอมความกันได้ ส่วนกรณีที่เจ้าของรถติดหนี้ไฟแนนซ์ 500,000 บาท ก็ต้องไปว่ากันในศาล โดยตนขอแนะนำให้แจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มชายฉกรรจ์ และกรรมการบริษัทไฟแนนซ์ที่รู้เห็นเป็นใจ เป็นผู้จ้างวานให้กลุ่มชายฉกรรจ์มาก่อเหตุกับผู้อื่น ทั้งนี้ หากต้องการยึดรถและเจ้าของรถไม่จ่ายหนี้ ก็สามารถฟ้องทางแพ่งได้ แล้วขอไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อนำคำสั่งศาลมายึดรถ ไม่ใช่จะยึดใครก็ทำ หรือใช้กำลังปล้นทรัพย์ผู้อื่น นอกจากนี้ ตนแนะนำว่าบริษัทไฟแนนซ์ควรตรวจสอบผู้ซื้อก่อนดำเนินเรื่องด้วยว่า มีกำลังพอที่จะจ่ายหนี้ด้วยหรือไม่
ขอขอบคุณ อมินทร์ทีวี คลิปจาก Oel Yin