วินาทีคุมตัวโจรฉกเพชร ทำแผน คดีเก่าเพียบ สารภาพสิ้น ติดหนี้พนัน!

จากกรณีคนร้ายเป็นชาย 2 คน ก่อเหตุวิ่งราวเพชร 10 กะรัต มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท ของนายวีกี้ ไวบัส อายุ 44 ปี นายหน้าค้าเพชรชาวอินเดีย ที่มาจ้างคนร้ายเจียรไนเพชรเม็ดดังกล่าวให้ที่อาคารพาณิชย์เลขที่ 426/2-3 ซอยสองพระ ถนนสี่พระยา แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กทม. ซึ่งคนร้ายได้ออกอุบายนำเพชรไปส่องกับแสงแดดหน้าร้านก่อนจะวิ่งไปขึ้นรถจยย.เพื่อนคนร้ายเร่งเครื่องหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว โดยเหตุเกิดเมื่อเวลา 15.00น.ของวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

 

ล่าสุดพ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส ผกก.สน.บางรัก พ.ต.ท.พงศ์นรินทร์ เหล่าเขตกิจ รอง ผกก.สส.สน.บางรัก พ.ต.ท.สาธิต สอนชา สว.สส.สน.บางรัก และพ.ต.ต.พิระวัตร์ วงศ์ศิริเมธีกุล สว.สส.สน.บางรัก ได้ร่วมกันนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.บางรักจับกุมตัวนายภิพัศพงษ์พัศฐ์ สุขสวัสดิ์พิพัฒน์ อายุ 59 ปี ผู้ต้องหาหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ข้อหา "ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม" พร้อมของกลางเพชร 10 กะรัต 

 

 

พลตำรวจเอกเฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พลตำรวจโทสุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางรัก คุมตัว นายภิพัศพงษ์พัศฐ์ สุขสวัสดิ์ อายุ 59 ปี ผู้ต้องหาคดีวิ่งราวทรัพย์ จัดฉากเป็นร้านเพชร ก่อนออกอุบายฉกเพชรหนัก 10 กะรัต มูลค่า 10 ล้านบาท จากพ่อค้าชาวอินเดีย มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่จุดเกิดเหตุ อาคารพานิชย์เลขที่ 426 / 2-3 ซอยสองพระ ริมถนนสี่พระยา เหตุเกิดวันที่ 11 ธันวาคม หลังถูกตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางรัก และฝ่ายสืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดจันทบุรี จับกุมตัวขณะเตรียมหลบหนีไปประเทศกัมพูชา พร้อมกับภรรยา

 

 

โดย พลตำรวจเอกเฉลิมเกียรติ กล่าวว่า ในอดีตผู้ต้องหาเคยค้าขายอัญมณี เป็นเจ้าของกิจการค้าขายร้านอัญมณี ที่จังหวัดจันทบุรี จนมีฐานะร่ำรวย ได้รับฉายาในวงการค้าเพชร ว่า เสี่ยเอ แต่ภายหลังติดการพนันอย่างหนักและประสบปัญหาทางธุรกิจจึงปิดกิจการ ต่อมาต้องการเงินไปเล่นการพนันจึงนำเงิน 4 หมื่นบาท มาเช่าร้านที่เกิดเหตุและติดตั้งประตูกระจกอัตโนมัติ พร้อมว่าจ้างคนรับจ้างเข็นผัก ที่จังหวัดจันทบุรี มาทำหน้าที่ขับรถจักรยานยนต์พาหลบหนีไปแถววัดดวงแข ก่อนแยกย้ายกันหลบหนี

ทั้งนี้เพชรของกลางผู้ต้องหา อ้างว่าขายให้กับชาวเวียดนามที่รู้จักกันในบ่อนคาสิโน ในราคา 5 แสนบาท โดยจ่ายเป็นค่าจ้างพาหลบหนี 1 แสนบาทและจะนำไปเล่นการพนันที่บ่อนในต่างประเทศอีก 4 แสนบาท นอกจากนั้นพบว่าผู้ต้องหาเคยก่อคดีมาแล้ว 7-8 คดี