- 17 ธ.ค. 2561
กระชากหน้ากาก "ท่อน้ำเลี้ยง" จาก"สุรชัย แซ่ด่าน" ถึง.. มือระเบิดกปปส.! สิ่งที่เห็นเชิงประจักษ์ นั้นก็คือทั้ง2กรณี มีคนค่อยส่งเงินให้.. อยู่จริง ?? !
สี่ปีที่รอคอย..ข่าวใหญ่ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาคงหนีไม่พ้นการจับกุม “มือระเบิดกปปส.” นายกฤษดา ไชยแค หลังจากลงมือก่อเหตุปาระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ในปี57 จนทำให้คนเจ็บตายจำนวนมาก จากนั้นได้หลบคดีไปพักพิงที่ประเทศกัมพูชา ซึ่งการจับกุมในครั้งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของไทย-กัมพูชา โดยพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ในฐานะ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) พร้อมด้วยคณะทำงาน และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตำรวจแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา หน่วยบัญชาการรักษาความปลอดภัยฝ่ายพลเรือนแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา
ภายหลังการจับกุมนายกฤษดา ได้ให้การรับสารภาพว่า....ร่วมกับพวกที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ก่อเหตุความไม่สงบในห้วงระหว่างปี 2557 โดยทำมาทั้งหมด 2 ครั้ง ครั้งแรกก่อเหตุปาระเบิดที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หน้าโรงพยาบาลราชวิถี และครั้งที่สองก่อเหตุที่บริเวณบรรทัดทอง ปาระเบิดใส่ขบวนของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกปปส. นอกจากนี้ยังร่วมอยู่ในเหตุการณ์ก่อความไม่สงบทางการเมืองในหลายครั้ง โดยในวันก่อเหตุได้นำระเบิดไปที่บริเวณจุดดังกล่าวจากนั้นก็ดึงสลักก่อนที่จะเขวี้ยงและวิ่งหนีไปโดยที่ไม่ได้หันมามองข้างหลังว่าระเบิดที่ปาไปส่งผลให้ใครได้รับบาดเจ็บบ้าง
และไม่รู้สึกผิดที่ทำให้เกิดการเจ็บตายในครั้งแรก กระทั่งหลบหนีออกนอกประเทศจึงรู้สึกได้ว่าได้ก่อเหตุร้ายแรงลงไป ทั้งความเป็นอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านก็เป็นไปอย่างยากลำบาก และห่วงด้วยว่าจะถูกไล่เก็บจากพวกเดียวกันเนื่องจากมีค่าหัวกว่า 7 แสน.
ประเด็นที่น่าสนใจ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาสารภาพโดยอ้างเป็นกลุ่มการเมืองฮาร์ดคอร์ได้รวมกลุ่มกันด้วยอุดมการณ์ทางการเมือง และรวบรวมอาวุธต่างๆ มาใช้ก่อเหตุ มีการเก็บรวบรวมอาวุธไว้กับตัวเอง และมีส่วนร่วมในการก่อเหตุขว้างปาระเบิด เอ็ม79 และเหตุอื่นๆ รวมแล้วกว่า 10 ครั้ง ซึ่งหลังก่อเหตุหลบหนีไปกบดานยังประเทศเพื่อนบ้านตั้งแต่ปี 2557 โดยมีบุคคลคอยให้ความช่วยเหลือทางการเงิน ให้ใช้เดือนละ30,000 บาทโดยไม่ต้องประกอบอาชีพใดๆ แต่เงินที่ได้น้อยลงเรื่อยๆจนเหลือเดือนละ 9,000 บาท
จากคำสารภาพสะท้อนให้เห็นถึงการกระทำของนายกฤษดา นั้นมีใครบงการ เป็น“ไอ้โม่ง” ซ่อนตัวในเงามืด อยู่เบื้องหลังค่อยส่ง “ท่อน้ำเลี้ยง” ใช่หรือไม่? ... เพราะหากไม่มีใครบงการ จะมี ”บุคคลคอยให้ความช่วยเหลือทางการเงิน” ได้อย่างไร?
หากย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 56 นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ (แซ่ด่าน) แกนนำกลุ่มแดงสยาม ได้ขึ้นเวทีงานกลุ่มแดงเชียงราย นปช.52 และได้ระบุว่า การติดคุกของตนที่ผ่านมาไม่เคยคิดว่าเสียหาย และต้องขอบคุณนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ทำให้ตนติดคุก เพราะได้พักผ่อนมาอย่างเต็มที่ สุขภาพก็ดีขึ้น ซึ่งช่วงที่อยู่ในคุกได้รับการช่วยเหลือจาก คนแดนไกล ผ่านคุณเมล์ แดงยุโรปให้เงินเดือนละ 4,000-6,000 บาทต่อเดือน บางคนหนักกว่าได้ถึง 40,000 บาท ในวันที่ 22 ก.พ. 2554 ตนมีเงินอยู่ 25,000 บาท พอผ่านไป 2 ปีได้เงินเดือนละ 6,000 บาท เมื่อพ้นคุกได้ถึง 140,000 บาท จนรวยจากการติดคุก
มีอยู่คน เป็นชาวเขมรที่อยู่ในการชุมนุม แต่ถูกคุมขังอยู่ในคุกหลักสี่ ปัจจุบันมีเงินกว่า 400,000 บาทแล้ว ตนอยู่ในคุก ยังอยู่ห้องพิเศษส่วนตัว มีโต๊ะกินข้าวเอง มีหม้อหุงข้าวเอง ฯลฯ จึงจะเห็นได้ว่าคนเสื้อแดงที่อยู่ในคุกได้รับการดูแล และยิ่งเมื่อเปลี่ยนมาเป็นรัฐบาลชุดปัจจุบันก็ได้รับการดูแลตลอด โดยนายใหญ่ ส่วนพวกเสื้อเหลืองไม่รู้นายใหญ่หายไปไหน เพราะพรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่ม พธม.ก็ไม่ใช่
ทั้งนี้ ..จะด้วยความบังเอิญหรือไม่ก็ตามแต่ สิ่งที่เห็นเชิงประจักษ์ นั้นก็คือทั้ง2กรณี มีคนค่อยส่ง “ท่อน้ำเลี้ยง” อยู่จริง !! ทำให้สังคมตั้งคำถามข้อสงสัยว่าได้เงินก้อนนี้มาจากใคร และคนส่งมีเจตนาอย่างไร.. ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ อาทิ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ต้องให้คำตอบสังคม ขยายผล-คลี่คลายคดีนี้ให้ถึงที่สุด จนสามารถรู้ตัว ผู้บงการที่แท้จริงให้ได้