- 18 ธ.ค. 2561
ถือเป็นเรื่องน่ายินดีส่งท้ายปีจริงๆ กับมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยส่งท้ายปีจากทางรัฐบาล ล่าสุด 18 ธ.ค. 2561 มีรายงานว่า ขณะนี้ทางรัฐบาลเตรียมแจกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจนเพิ่มเติม จำนวน 3,042,741 ราย ผ่านทีมไทยนิยม ยั่งยืน ทั่วประเทศ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. 2561 เป็นต้นไป และจะเริ่มใช้บัตรได้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2562 เป็นต้นไป
ถือเป็นเรื่องน่ายินดีส่งท้ายปีจริงๆ กับมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยส่งท้ายปีจากทางรัฐบาล ล่าสุด 18 ธ.ค. 2561 มีรายงานว่า ขณะนี้ทางรัฐบาลเตรียมแจกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจนเพิ่มเติม จำนวน 3,042,741 ราย ผ่านทีมไทยนิยม ยั่งยืน ทั่วประเทศ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. 2561 เป็นต้นไป และจะเริ่มใช้บัตรได้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2562 เป็นต้นไป
นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า ภายหลังได้รับมติจาก ครม. ขณะนี้ทางกรมฯ ได้จัดทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติมเรียบร้อยแล้ว โดยจะมอบให้กลุ่มผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาลงทะเบียนได้ในปี 2560 ซึ่งครั้งนี้บัตรสวัสดิการจะมี 2 แบบด้วยกันคือ
1.บัตรแบบ Contactless เป็นบัตรที่สามารถใช้ได้กับเครื่องรับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ชนิดโมบาย ที่จะแจกให้กับผู้มีสิทธิที่แจ้งที่อยู่ปัจจุบันใน 7 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม
2.บัตรแบบ Smart Card ซึ่งจะแจกให้กับผู้มีสิทธิในจังหวัดอื่นๆ นอกเหนือจาก 7 จังหวัดข้างต้น
ขณะนี้ได้ส่งบัตรไปที่สำนักงานคลังจังหวัดทุกจังหวัดและกรุงเทพมหานครเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะส่งมอบให้ถึงมือผู้มีสิทธิได้รับบัตรตามรายชื่อประกาศ ตามหมายกำหนดเวลาในบัตรดังต่อไปนี้
1. ตั้งแต่วันที่ 21-28 ธ.ค. 2561 ผู้มีสิทธิสามารถรับบัตรจากทีมไทยนิยมฯ ในระดับชุมชนและตำบล ซึ่งจะมีการแจ้งจุดรับบัตรให้ทราบเร็วๆ นี้ และจะเปิดให้ใช้ได้รับปีใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2562 เป็นต้นไป
2. ตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค. 2561 – 31 ม.ค. 2562 รับบัตรจากทีมไทยนิยมฯ ระดับตำบลและชุมชน ซึ่งจะแจ้งจุดรับบัตรให้ทราบเร็วๆนี้ และบัตรจะเริ่มใช้ได้หลังจากรับบัตรไปแล้ว 2 วันทำการ
3. ตั้งแต่วันที่ 1 – 28 ก.พ. 2562 ผู้มีสิทธิต้องไปรับบัตร ณ ที่ทำการอำเภอหรือสำนักงานเขตในกรุงเทพฯ ตามที่อยู่ปัจจุบันที่ได้ลงทะเบียนไว้ และบัตรจะเริ่มใช้ได้หลังจากรับบัตรไปแล้ว 2 วันทำการ
เงื่อนไขในการขอรับบัตรนั้น ผู้มีสิทธิต้องนำหลักฐานคือบัตรประชาชนมารับด้วยตนเองหากมอบให้ผู้อื่นมารับบัตรแทน จะต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงของผู้มีสิทธิและผู้มอบอำนาจ พร้อมด้วยหนังสือมอบอำนาจ และสำเนาบัตรฯ ของผู้มอบอำนาจที่ได้ลงนามรับรองสำเนาถูกต้องแล้ว และต้องลงชื่อกำกับไว้เป็นหลักฐานยืนยันการรับบัตรด้วย
สำหรับสิทธิจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติม จะสามารถใช้ได้ 2 สิทธิหลัก ได้แก่
1. สิทธิในกระเป๋าวงเงิน ประกอบด้วย
- ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง คือวงเงินค่าโดยสารรถ ขสมก./รถไฟฟ้า จะได้รับ 500 บาท/คน/เดือน ใช้ได้สำหรับผู้มีสิทธิที่ได้รับบัตรแบบ Contactless เท่านั้นเมื่อผู้มีสิทธิต้องการใช้จ่ายเป็นค่าโดยสารรถไฟฟ้า ให้นำบัตรไปที่ห้องจำหน่ายตั๋วตามสถานีเพื่อแตะและแลกรับเป็นเหรียญแทนเงิน (Token) ส่วนผู้โดยสารที่ต้องการใช้จ่ายเป็นค่าโดยสารรถ ขสมก. พนักงานเก็บเงินจะมีเครื่องรับชำระค่าโดยสาร (Handheld) ไว้ที่ตัวเอง โดยจะนำบัตรไปแตะที่เครื่องและเลือกอัตราค่าโดยสารตามระยะทาง ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้มีบัตร สำหรับวงเงินค่าโดยสารรถ บขส. จะได้รับ 500 บาท/คน/เดือน โดยการใช้สิทธิจากจุดจำหน่ายบัตรโดยสารรถ บขส. ส่วน วงเงินค่าโดยสารรถไฟ จะได้รับ 500 บาท/คน/เดือน โดยการใช้สิทธิจากจุดจำหน่ายบัตรโดยสารรถไฟทุกสถานี (รฟท.)
- ค่าใช้จ่ายในครัวเรือน คือวงเงินซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในร้านธงฟ้าประชารัฐ สำหรับผู้มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี จะได้รับวงเงิน 300 บาท/คน/เดือน ส่วนผู้มีรายได้เกินกว่า 30,000 บาทต่อปี จะได้รับวงเงิน 200 บาทต่อคนต่อเดือน ส่วนวงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าที่กระทรวงพลังงานกำหนด จะได้รับ 45 บาท/คน/3 เดือนทั้งนี้ หากมีวงเงินคงเหลือภายในบัตรของแต่ละเดือนจะไม่มีการสะสมเพื่อใช้ในเดือนถัดไปได้ และ "ไม่สามารถ" ถอนออกมาเป็นเงินสดได้
2. สิทธิในกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ประกอบด้วย
- ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายช่วยปลายปีคนละ 500 บาท ซึ่งจะ "จ่ายเพียงครั้งเดียว" โดยจะเริ่มโอนเงินเข้าบัตรให้ในวันที่ 1 ม.ค. 2562
- มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา ผู้มีสิทธิจะได้รับช่วยเหลือค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 230 บาท/ครัวเรือน/เดือน ค่าน้ำประปา ไม่เกิน 100 บาท/ครัวเรือน/เดือน ไว้ใช้สำหรับแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2561 ไปจนถึง ก.ย. 2562 จะเป็นการโอนเงินเข้าบัตรตามจำนวนที่ได้รับแจ้งจากการไฟฟ้าและการประปา ทุกวันที่ 18 ของเดือน เริ่มจ่ายเดือนแรกวันที่ 18 ก.พ. 2562
- มาตรการช่วยเหลือค่าเช่าบ้าน สำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยที่มีอายุครบ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งมีภาระค่าเช่าบ้านและไม่มีที่อยู่อาศัย จะได้รับเงินช่วยเหลือ จำนวน 400 บาท/คน/เดือน จะโอนเงินเข้าบัตรให้ในวันที่ 1 ม.ค. 2562 เป็นเดือนแรก จากนั้นจะโอนเงินช่วยเหลือให้ทุกวันที่ 12 ของเดือนเกิด ทั้งนี้ยังมีการช่วยเหลือค่าเดินทางไปรับการรักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายอื่นเกี่ยวกับสุขภาพ สำหรับผู้มีสิทธิที่มีอายุครบ 65 ปีขึ้นไป โดยจะได้รับเงินคนละ 1,000 บาท "จ่ายเพียงครั้งเดียว" ซึ่งจะโอนเงินเข้าบัตรให้ในวันที่ 1 ม.ค. 2562 เป็นเดือนแรก จากนั้นจะโอนเงินให้กับผู้มีสิทธิที่มีอายุครบ 65 ปี ทุกวันที่ 21 ของเดือนเกิด
- กองทุนผู้สูงอายุสำหรับภาษีสรรพสามิตและสุรายาสูบ ยังได้มีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมคือ ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี ได้รับเงินสงเคราะห์ฯ 100 บาท/คน/เดือน และ ผู้สูงอายุที่มีรายได้เกินกว่า 30,000 บาทต่อปี ได้รับเงินสงเคราะห์ฯ 50 บาท/คน/เดือน ซึ่งจะโอนให้ทุกวันที่ 15 ของเดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2562 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตามทางอธิบดีกรมบัญชีกลาง ย้ำว่า เพื่อให้เข้าใจตรงกัน สำหรับผู้มีสิทธิที่รับบัตรจากทีมไทยนิยมฯ ในระหว่างวันที่ 21 – 28 ธ.ค. 2561 จะเริ่มใช้สิทธิทั้งหมดได้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2562 เป็นต้นไป หากรับหลังวันดังกล่าวจะสามารถใช้ได้หลังจากนั้น 2 วัน เนื่องจากหน่วยงานต้องส่งรายงานรายชื่อผู้รับบัตรให้สำนักงานคลังจังหวัด/กรมบัญชีกลาง จากนั้นจะส่งข้อมูลดังกล่าวให้กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ดำเนินการเปิดสิทธิของบัตร (Activate) ต่อไป และทิ้งท้ายว่าในส่วนของเงินที่สามารถถอนได้นั้น ไม่จำเป็นต้องรีบถอนเพราะไม่จำกัดระยะเวลาจะคงอยู่ในบัญชีไปตลอด