ศาลยกฟ้อง ปมตลาดใหม่ดอนเมือง "สันธนะ" รอด จ่อเอาผิดจำเลยทั้ง 18 ต่อ

สืบเนื่องจากกรณีที่ชื่อของ นายสันธนะ ประยูรรัตน์ ถูกขุดมาพูดถึงอีกครั้ง จากพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชานุญาตให้ถอดออกจากยศตำรวจ "ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2545 ซึ่งเป็นวันที่ลงโทษไล่ออกจากราชการ เนื่องจากได้กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ประกอบระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

สืบเนื่องจากกรณีที่ชื่อของ นายสันธนะ ประยูรรัตน์ ถูกขุดมาพูดถึงอีกครั้ง จากพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชานุญาตให้ถอดออกจากยศตำรวจ 

ศาลยกฟ้อง ปมตลาดใหม่ดอนเมือง "สันธนะ" รอด จ่อเอาผิดจำเลยทั้ง 18 ต่อ

 

"ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2545 ซึ่งเป็นวันที่ลงโทษไล่ออกจากราชการ เนื่องจากได้กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ประกอบระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยภรณ์ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย และเบญจมาภรณ์ช้างเผือก ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยภรณ์ พ.ศ.2548"

ประจวบกับช่วงเดือน พ.ค. 2561 มีประเด็นร้อน ขึ้นบนโลกออนไลน์ เกี่ยวกับการลักลอบขายสินค้าไม่ได้มาตรฐานของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. โดยมีการพุ่งเป้าไปยังตลาดใหม่ดอนเมืองที่เป็นเสมือนคลังสินค้าขนาดใหญ่ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำกำลัง 400 นายเข้าทำการตรวจค้นร้านค้า แต่ปรากฏว่ามีผู้ออกมาขัดขวางประหนึ่งผู้มีอิทธิพล คือ นายสันธนะ ในตำแหน่งที่ปรึกษาประธานกรรมการบริษัทพัฒนาตลาดใหม่ดอนเมือง

ศาลยกฟ้อง ปมตลาดใหม่ดอนเมือง "สันธนะ" รอด จ่อเอาผิดจำเลยทั้ง 18 ต่อ

โดยมีพฤติการณ์โต้ตอบเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยการทักท้วงถึงข้อกฏหมาย ปฏิเสธไม่ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตั้งศูนย์ปฎิบัติการในพื้นที่ กลายเป็นสงครามวิวาทะ จนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจำต้องแจ้งความผิดฐานดูหมิ่นต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ เหตุการณ์ดังกล่าวได้เงียบหายไปชั่วขณะ

ล่าสุด 19 ธ.ค. 2561 ที่ศาลแขวงดอนเมือง ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดี ต่อสู้ขัดขวางดูหมิ่นเจ้าพนักงานที่พนักงานอัยการคดีศาลแขวง 9 (ดอนเมือง) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นาย หรือ อดีตพ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อายุ 59 ปี อดีตรองผกก.สันติบาล ประธานที่ปรึกษาบริษัท พัฒนาตลาดใหม่ดอนเมือง จก.เป็นจำเลยในความผิดฐานดูหมิ่นต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ กรณีเมื่อวันที่ 3 พ.ค.2561 นายสันธนะ ได้ขัดขวาง ดูหมิ่น เจ้าหน้าทีในการตรวจค้นตลาดใหม่ดอนเมืองนายสันธนะ ซึ่งได้รับการประกันตัว เดินทางมาฟังคำพิพากษา

ศาลยกฟ้อง ปมตลาดใหม่ดอนเมือง "สันธนะ" รอด จ่อเอาผิดจำเลยทั้ง 18 ต่อ

ทั้งนี้ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์นำสืบมีประเด็นวินิจฉัยว่าจำเลยได้ต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานหรือไม่ เห็นว่าเเม้การกระทำของจำเลยจะเป็นการเเสดงกริยาท่าทาง พร้อมเเสดงหนังสือเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ออกสถานที่เเต่เมื่อพิจารณาเหตุว่าจำเลยมีตำเเหน่งเป็นที่ปรึกษาเจ้าของพื้นที่ เเละผู้บริหารบริษัทพัฒนาตลาดใหม่ดอนเมือง ได้โทรเเจ้งจำเลยเเละบอกกล่าวให้จำเลยไปดำเนินการบอกกล่าวให้ตำรวจออกไปจากพื้นที่การที่จำเลยเเสดงอาการท่าทาง พร้อมชี้นิ้วเเม้จะเป็นเหตุให้ผู้เสียหายออกจากพื้นที่ เเต่จำเลยก็ไม่ได้มีการเเสดงท่าทางอื่นที่เป็นการข่มขู่คุกคาม ตรงนี้ยังฟังไม่ได้ว่าเป็นการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน

"ส่วนประเด็นว่าเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานศาลเห็น ว่าการดูหมิ่น จะต้องเป็นคำพูดลักษณะที่ดูหมิ่นเหยียดหยามให้ผู้เสียหายได้รับความอับอายการที่ จำเลยใช้เสียงดังพร้อมชี้นิ้ว ที่หน้าอก เเม้มีการเเสดงท่าทางประกอบ เป็นเพียงกริยาที่ไม่สุภาพเท่านั้น ยังไม่ถึงกับเป็นการเหยียดหยาม เจ้าพนักงาน ขณะปฏิบัติหน้าที่ พิพากษายกฟ้อง"

อย่างไรก็ตามนายสันธนะ เผยว่ากระบวนการที่ถูกกล่าวหาโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)นั้น ตนมั่นใจว่าภายหลังพิสูจน์ข้อเท็จจริงและข้อพิรุธ ศาลจะให้ความเมตตาตนเต็มที่ เพราะเป็นคดีข้อหาดูหมิ่นขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติตามหน้าที่ และคำว่า "หน้าที่" ต้องปฏิบัติโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งถ้าตนผิดจริงนั้นไม่ต้องรอให้ใครกล่าวหาคนเดียว แต่ให้ ตำรวจทั้ง สตช.กล่าวหาได้เลย "ผมเป็นตำรวจมาก่อน คนแต่งเครื่องแบบมาปฏิบัติหน้าที่มีหรือตนจะไม่ให้เกียรติ ถ้าทำตามกฎหมายตนพร้อมยอมรับ การแจ้งความใส่ร้ายทำให้สังคมมองผมไม่ดี แต่ถ้าผมถูกลงโทษก็พร้อมรับ เผื่อใจไว้ 1% เหมือนกัน" นายสันธนะกล่าว

ศาลยกฟ้อง ปมตลาดใหม่ดอนเมือง "สันธนะ" รอด จ่อเอาผิดจำเลยทั้ง 18 ต่อ

ทั้งยังกล่าวต่อว่าขณะนี้ประเทศบริหารด้วยอำนาจพิเศษตนจะขอสู้ไปตามกระบวนการทางกฏหมาย เพราะตนมีพยานเอกสารนำสืบให้ศาลเห็นตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุว่าผู้กล่าวหามีการวางแผนเป็นขั้นตอน และข้อพิรุธที่ชัดเจนคือบันทึกประจำวันมีการแก้ไขขีดลบจึงเป็นเอกสารเท็จ และหลังจากพิพากษาแล้วต้องกลับไปถึงทุกคนแน่ เพราะคดีมาถึงศาลต้องการให้ตนต้องโทษจำคุก โดยในวันที่ 27 ธ.ค. 2561 ที่จะถึงนี้ตนจะเดินหน้าฟ้อง 18 จำเลย ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ต้องติดตามว่าบทสรุปของความขัดแย้งระหว่างอดีตผู้พิทักษ์สันติราษฎร์และพี่น้องต่างรุ่นที่คลานตามกันออกมาจากรั้วสามพรานนั้น จะเป็นไปในทิศทางใด