- 26 ธ.ค. 2561
ผบก.สุพรรณฯล็อคเป้าคนสงสัย รอนิติเวชสรุปผลชันสูตร "น้องซูลุยผิว" เจอเพิ่มรอยเขี้ยวสัตว์บนลำตัว
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ได้มีการค้นหา ด.ช.ซูลุยผิว อายุ 2 ขวบ ชาวพม่า หลังหายตัวเข้าไปในไร่อ้อย พื้นที่หมู่ 9 ต.สระพังลาน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งล่าสุดเข้าสู่วันที่ 9 ของการค้นหา หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 7 ได้ระดมกำลังเดินปูพรมลาดตระเวนในไร่อ้อย พื้นที่ 1,400 ไร่ พร้อมกับชาวบ้านอาสาในพื้นที่ ที่ให้ความช่วยเหลือ ตามที่ได้มีการนำเสนอไปแล้วนั้น
โดยทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปพบร่างของด.ช.ซูลุยผิว แต่พบว่าเสียชีวิตแล้ว ซึ่งอยู่ในไร่อ้อยห่างจากจุดที่หายตัวไปประมาณ 5 กิโลเมตร ขณะที่ทางแพทย์นิติเวชตรวจสอบการเสียชีวิตเบื้องต้นของด.ช.ซูลุยผิว สันนิษฐานว่ามาจากการขาดอากาศหายใจ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 วัน ทำให้ชาวโซเชียลตั้งข้อสงสัยการเสียชีวิต ว่าอาจจะเป็นการฆาตกรรม เนื่องจากบริเวณจุดสุดท้ายที่น้องยังวิ่งเล่น และจุดที่เจ้าหน้าที่พบร่างของน้อง ว่าห่างออกไปประมาณ 5 กิโลเมตรนั้น ในวันแรกที่มีการระดมเจ้าหน้าที่ค้นหา เป็นจุดที่ค้นหาไปแล้ว แต่กลับไม่พบตัวน้อง
ทั้งนี้นายผิวและนางมอ พ่อแม่ของเด็กชาย 2 ขวบ ได้เปิดใจทั้งน้ำตา บอกผ่านล่ามชาวเมียนมาว่า "ตอนนี้ครอบครัวยังสงสัยในปมการเสียชีวิตของลูกชาย เนื่องจากไม่คิดว่าลูกจะเดินไปได้ไกลถึง 5 กิโลเมตร เพราะระยะทางไกลมาก และเขายังเด็ก และไม่ทราบว่ามีใครเป็นคนพาลูกไปหรือไม่ นอกจากนี้ยังไม่เชื่อด้วยว่า ลูกชายจะจมน้ำเสียชีวิต แม้จะเจอศพอยู่ข้างร่องน้ำก็ตาม ส่วนรองเท้าที่ขาดและหมวกที่เจออยู่ในจุดพบศพ เป็นของลูกชาย แต่ของเล่นที่เจอนั้น ไม่ใช่และไม่ทราบว่าเป็นของผู้ใดมาทำตกไว้ สภาพศพลูกที่เจอไม่ปกติ เนื่องจากขาเละและมีบาดแผลบริเวณขา กระดูกขาโผล่ออกมา ใบหน้ามีรอยบาดแผล มีแผลบริเวณข้อมือด้วย ใบหน้ามีรอยยุบ ตอนนี้เชื่อว่ามีคนทำให้ลูกเสียชีวิตคิดว่าน่าจะเป็นคนขับรถไถที่อยู่ด้วยในพื้นที่วันเกิดเหตุ และตั้งแต่เกิดเหตุก็ไม่ได้เจอคนขับรถไถอีกเลย ไม่ได้คุยกัน"
ต่อมานายสมาน วงษ์กัณหา คนขับรถไถ ที่แม่ของเด็กชาย 2 ขวบ บอกว่าได้หายตัวไปในวันเกิดเหตุ ได้เปิดใจเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บอก วันเกิดเหตุตนขับรถไถเข้าไปในไร่อ้อยจริง โดยเห็นเด็กน้อยทั้ง 2 คนเล่นกันอยู่ในร่องไร่อ้อยริมถนน เมื่อเด็กเห็นรถไถได้หลบเข้าไปห่างจากรถประมาณ 3 เมตรซึ่งเป็นระยะปลอดภัย จากนั้นตนก็ขับรถไปไถดินตามปกติ จนกระทั่ง 5 โมงเย็นรู้เรื่องเด็กหายยังมาช่วยตามหา
โดยเมื่อช่วงเช้า (26 ธ.ค.) ที่ผ่านมา นางมอและนายผิว พ่อแม่ของ ด.ช.ซูลุยผิว ได้เดินมายังไร่อ้อย บริเวณจุดที่พบร่างของลูกชายนอนเสียชีวิต พร้อมนำดอกไม้ธูปเทียนมาไหว้อันเชิญดวงวิญญาณของลูกชาย ขอให้ไปสู่สุขคติ ท่ามกลางชาวบ้านที่มาให้กำลังใจ และบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า โดยทางครอบครัวและญาติพี่น้อง ยังทำใจยอมรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะต้องสูญเสียหลานชายอย่างกะทันหัน
ล่าสุดทางด้านพล.ต.ต.คมศักดิ์ สุมังเกษตร ผู้บังคับการภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าของคดีเพิ่มเติมว่า ได้ส่งศพของ ด.ช.ซูลุยพิว หรือ น้องต้าแง อายุ 2 ขวบ ไปยังนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจแล้ว และได้ให้พนักงานสอบสวนตามไปด้วย
อีกทั้งตนได้กำชับเจ้าหน้าที่อยากให้ผลชันสูตรออกมาโดยเร็วที่สุด เพราะขณะนี้สภาพศพของด.ช.ซูลุยพิว ไม่สามารถสันนิษฐานได้ว่าเสียชีวิตจากอะไรกันแน่ เพราะสภาพศพเริ่มเน่าเปื่อย ผิวของเด็กเป็นผิวที่อ่อน เมื่อเสียชีวิตใกล้น้ำ ศพจึงเน่าเปื่อยไปตามกาลเวลา จากการประเมิณสภาพศพคาดว่าอาจจะเสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค. 2561 ที่หายตัวตั้งแต่วันแรก
หากผลชันสูตรจากนิติเวชออกมาชี้ชัดว่า ด.ช.ซูลุยพิว เสียชีวิตจากสาเหตุใด จะทำให้ประเด็กการสอบสวนรัดกุมมากยิ่งขึ้น หากพบว่ามีกระดูกแตก ก็จะพุ่งเป้าไปยังอุบัติเหตุรถไถทับ เสียชีวิตและมีการนำศพไปอำพรางคดี
ในส่วนการสอบปากคำของบุคคลต้องสงสัยนั้น เมื่อวาน (25 ธ.ค.) ที่ผ่านมา ได้สอบปากคำนายสมาน วงษ์กัณหา คนขับรถไถ ผู้ที่พ่อแม่น้องซูลุยพิวต้องสงสัยว่าเป็นผู้ทำให้ ด.ช.ซูลุยพิว เสียชีวิต โดยจากการสอบปากคำ นายสมาน ก็เล่าเรื่องราวได้อย่างปกติ ไม่พบพิรุธ และยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้กระทำผิด และแสดงความบริสุทธิ์ใจให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบบ้านและรถไถอย่างเต็มที่
หลังจากนี้ทางชุดสืบสวนได้ประสานไปยังคนขับรถไถในพื้นที่ใกล้เคียงกับไร่อ้อย เพื่อมาสอบปากคำเพิ่มเติมแล้ว ส่วนการสอบปากคำเด็กหญิงวัย 3 ขวบ ที่เล่นอยูาด้วยกันกับด.ช.ซูลัยผิวนั้น ขณะนี้บอกได้แต่ ว่ามีคนจูงมือไป แต่ไม่สามารถบอกรูปร่างลักษณะ หรือเพศได้ และที่นายสมานคนขับรถไถ ให้การว่า นายผิวและนางมอ พ่อและแม่เด็ก อาจจะมีความขัดแย้งกับบุคคลในพื้นที่ไม่นั้น ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะมี เพราะทั้งคู่เพิ่งย้ายมาอาศัย อยู่ที่จ.สุพรรณบุรี ได้แค่เพียงหนึ่งวัน ก่อนที่ลูกชายจะหายตัวไป
เจ้าหน้าที่ได้ตั้งแนวทางการสืบสวนสาเหตุการเสียชีวิตของ เด็กชายซูลุยผิว อายุ 2 ขวบ ชาวเมียนมา ที่หายบริเวณไร่อ้อย จ.สุพรรณบุรี นานกว่า 9 วัน ก่อนชุดปฎิบัติการค้นหาจะพบกลายเป็นศพในสภาพเน่าเปื่อย อยู่บริเวณร่องน้ำกลางไร่อ้อย ต.อู่ทอง อ.อู่ทอง จว.สุพรรณบุรี ยอมรับว่า มีความเป็นได้หลายแนวทาง แต่ยังไม่ได้ให้น้ำหนักชี้ใดไปทางใดทางหนึ่ง เนื่องจากต้องรอผลการผ่าชันสูตรจากแพทย์นิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นหลักฐานสำคัญที่ศาลรับฟัง ประกอบกับสภาพศพเสียชีวิตมาหลายวันจึงสันนิษฐานทันทีไม่ได้ โดยคาดว่าอย่างเร็วสุดจะทราบผลการชันสูตรในช่วงเย็นวันนี้
อย่างไรก็ตาม จากการลงพื้นที่ตรวจสภาพศพ พบว่าส่วนหลังจมน้ำไปครึ่งหนึ่ง สภาพร่างกายเน่าเปื่อย เกือบเหลวทั้งหมดแต่เมื่อดูจากผิวหนังบางส่วนที่แข็งด้าน พบรอยเขี้ยวของสัตว์ คล้ายหนู,ตัวเงินตัวทอง แต่ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตหรือไม่ ส่วนบริเวณรอบๆศพ ยังไม่พบข้อพิรุธหรือร่องรอยของบุคคลอื่นแต่อย่างใด ตนได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวน สภ.สระยายโสม พื้นที่เกิดเหตุ มาติดตามผลการชันสูตรและรับศพของ ด.ช.ซูลุยผิว เนื่องจากเป็นชาวเมียรมาและไม่มีเอกสารติดตัว
ส่วนญาติจะนำกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านหรือไม่นั้นยังไม่ทราบ ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจคิดไว้ 3-4 ประเด็น รอเพียงผลชันสูตร ก็จะสามารถพุ่งเป้าไปได้เลย เพราะเรามีเป้าหมายที่สงสัยอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผย เพราะกลัวจะเสียรูปคดี
ขณะที่บรรยากาศที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ได้มีสื่อมวลชนจำนวนมากเดินทางมาติดตามบรรยากาศอย่างใกล้ชิด เนื่องจากทราบว่าบิดามารดา ได้มอบอำนาจให้พนักงานสอบสวน สภ.สระยายโสม จ.สุพรรณบุรี เดินทางมารับร่างของ เด็กชายซูลุยผิว ซึ่งการผ่าชันสูตรพลิกศพเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต ไม่ว่าสภาพศพจะเน่าเปื่อยหรือศพปกติ ก็จะทำการพิสูจน์ให้ครบทุกขั้นตอน เช่น การตรวจดีเอ็นเอ เพื่อยืนยันอัตลักษณ์บุคคล ตรวจลายนิ้วมือแฝง รอยบาดแผล รวมทั้งตรวจหาสารพิษในร่างกายหรือพิษวิทยาด้วย