- 26 ธ.ค. 2561
พ่อแม่รังแกฉัน! "อ.สุวินัย" ฟันธงชะตากรรม"ลูกโอ๊ค-หนีซมซานคดีกรุงไทย" ล้วนมาจาก"บิดายัดเยียดให้"...นับว่าน่าสงสาร
พ่อแม่รังแกฉัน! "อ.สุวินัย" ฟันธงชะตากรรม"ลูกโอ๊ค-หนีซมซานคดีกรุงไทย" ล้วนมาจาก"บิดายัดเยียดให้"...นับว่าน่าสงสาร
พ่อแม่รังแกฉัน! "นักวิชาการดัง-อ.สุวินัย ภวณวลัย" ฟันธงชะตากรรม"ลูกโอ๊ค" ล้วนมาจาก "ทักษิณ-ผู้บิดายัดเยียด" ให้ หลังข่าวเจ้าตัวมุด "ช่องทางธรรมชาติ" หนีคดีฟอกเงินกรุงไทยฯ ได้รับการยืนยันแล้ว โดย "อ.สุวินัย" ระบุว่า "โอ๊ค" นับเป็นผู้ชายที่น่าสงสาร เพราะเป็นแค่ลูกแหง่ที่ถูกผู้เป็นบิดาจูงจมูกมาทั้งชีวิต และเคราะห์กรรมที่โอ๊คเผชิญอยู่ตอนนี้ ล้วนมีที่มาจากผู้เป็นบิดา
นับว่าน่าสนใจทีเดียว สำหรับการออกมาเปิดเผยความเคลื่อนไหว "นายพานทองแท้ ชินวัตร" บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของ "นายทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกน ผู้อื้อฉาว ซึ่งตกเป็นจำเลย "คดีร่วมฟอกเงินจำนวน 10 ล้านบาท กรณีอนุมัติสินเชื่อธนาคารกรุงไทย ให้กับกลุ่มกฤษดามหานครโดยมิชอบ" ตามความผิด พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5, 9 และ 60 ฯลฯ ของ "นายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์" สื่อมวลชนอาวุโส โดยนายเสริมสุข ถึงกับระบุในเฟซบุ๊กส่วนตัว "Sermsuk Kasitipradit" เอาไว้ถึง 2 โพสต์ และข้อความล่าสุด ได้แก่
"เพราะฟ้ามีตาเลยต้องหนีอย่างสุนัข........ เมื่อวานบอก 95% โอ๊คหนี วันนี้ยืนยัน 100 % หนีทางช่องทางธรรมชาติ....ไปไม่กลับหลับไม่ตื่นฟื้นไม่มี ....
เงินยังไม่หมดแต่มาเที่ยวยืมเงินนักธุรกิจใหญ่ในประเทศจ่ายกองเชียร์หวังพลิกสถานการณ์เลือกตั้งต้นปี 62.. ยังเพ้อได้ขนาดนั้น...."
อย่างไรก็ตาม ต่อกรณีดังกล่าว "ดร.สุวินัย ภณวลัย" นักวิชาการชื่อดัง อดีตอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ออกมากล่าวถึงเรื่องเดียวกันนี้เอาไว้อย่างน่าสนใจทำนอง...ข่าวการหลบหนีของโอ๊คนั้น นับเป็นคนที่ 4 ของตระกูลชินวัตร ถัดจากทักษิณ ยิ่งลักษณ์ และเยาวภา โดยในสายตาของ อ.สุวินัย "โอ๊ค" นับว่าน่าสงสาร เพราะเป็นแค่ลูกแหง่ที่ถูกผู้เป็นบิดาจูงจมูกมาทั้งชีวิต และเคราะห์กรรมที่โอ๊คเผชิญอยู่ตอนนี้ ล้วนมีที่มาจากผู้เป็นบิดาทั้งสิ้น ฯลฯ
ดังรายละเอียดทั้งหมดที่ อ.สุวินัย ระบุไว้ คือ
โอ๊ค พานทองแท้ : ชีวิตที่ไม่ได้เลือกเอง / สุวินัย ภรณวลัย
ผมได้ข่าวว่าคุณโอ๊ค พานทองแท้ ได้หลบหนีทางช่องทางธรรมชาติ ไปอีกคนแล้ว ถือเป็นคนที่สี่ของตระกูลชินวัตร ถัดจากทักษิณ ยิ่งลักษณ์ และเยาวภา
คุณทักษิณอายุใกล้จะ 70 แล้ว การเป็นนักโทษหนีคดี ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศตราบจนวาระสุดท้ายของชีวิตในอีกไม่กี่ปีหลังจากนี้ (อายุขัยเฉลี่ยของชายไทยคือ 74 ปี ) ไม่ใช่เรื่องโหดร้ายหรือน่าเห็นใจสักเท่าไร
แต่สำหรับ คุณโอ๊ค พานทองแท้ (อายุ 39 ปี) ถ้าต้องใช้ชีวิตหนีคดีไปต่างประเทศแบบหลบๆซ่อนๆอีกหลายสิบปีหลังจากนี้ โดยไม่ได้กลับมาเหยียบแผ่นดินเกิดอีกเลย ผมว่าเป็นเรื่องที่โหดร้ายเอาการ (ไม่ถึงกับโหดร้ายอย่างที่สุดเพราะยังมีเงินปรนเปรอความสุขทางกายให้กับตนเองอย่างไม่อั้นได้)
ถ้าไม่ผิดแล้วหนีทำไม? เพราะไม่ใช่ทุกคนที่เลือกแบบนี้
คนกล้าทุกคนล้วนเลือกสู้คดีและยอมติดคุก ยอมรับคำตัดสินของกระบวนการยุติธรรมทั้งสิ้น
สนธิ ลิ้มทองกุลก็ใช่ พุทธะอิสระก็ใช่
คนที่ไม่ยอมสู้คดี แล้วลี้ภัยไปต่างประเทศ หลายคนมีชีวิตอยู่แบบตายทั้งเป็น
อาจารย์สมศักดิ์ เจียม ฯ คือหนึ่งในนั้น และเป็นกรณีที่ผมสลดใจที่สุด และไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งตั้งแต่แรกที่อาจารย์สมศักดิ์ เจียมฯ เลือกวิธีลี้ภัยเป็นทางออกหลังการรัฐประหาร ปี 2557
หลายคนเหมือนหายสาบสูญไปแล้วจากเวที ไม่ว่าโก๊ะ ตี๋ หรือ สุรชัย แซ่ด่าน
แต่ผมเห็นใจคุณจักรภพ เพ็ญแขมากกว่าใคร อาจเพราะผมเคยเจอเขาครั้งหนึ่งตอนเขาเป็นโฆษกให้รัฐบาลคุณทักษิณเมื่อ 15 ปีก่อน (กรณีพับนกแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้)
ในตอนนั้นคุณจักรภพคงนึกไม่ถึงว่าตัวเองจะมีวันนี้ ทั้งๆที่ในอดีตเขาคือคนทำสื่ออนาคตไกลคนหนึ่ง
การเมืองเป็นเรื่องน่ากลัว และสงครามแห่งเกมอำนาจเหมือนต้องคำสาป ยากที่จะถอดถอนตัวเองจากวังวนยุทธจักรได้
ขอถามในใต้หล้า มีผู้กล้าสักกี่คนกันที่จะยิ้มเย้ยยุทธจักรได้จริง ยกขึ้นวางลงเป็นอิสระจากวังวนแห่งอำนาจได้จริง
ในสายตาของผม คุณโอ๊ค พานทองแท้เป็นแค่ลูกแหง่ที่ถูกผู้เป็นบิดาจูงจมูกมาทั้งชีวิตเท่านั้นเอง
เคราะห์กรรมที่คุณโอ๊คเผชิญอยู่ตอนนี้ ล้วนมีที่มาจากผู้เป็นบิดาทั้งสิ้น
ชีวิตแบบนี้ของคุณโอ๊คน่าสงสาร แต่ไม่น่าเห็นใจ
บางทีการเกิดมาเป็นลูกชายคนเดียวของมหาเศรษฐีแสนล้านที่หน้าเหลี่ยมใจคด ใจแคบ ไม่รู้จักพอและผูกพยาบาทอาฆาตประเทศตนเอง คือบทลงโทษของฟ้าดินก็เป็นได้