- 29 ธ.ค. 2561
ชายสติไม่ดีสารภาพ พา"ด.ช.ซูลุยผิว" เล่นน้ำ แต่ช่วยชีวิตไว้ไม่ได้ เพราะน้องตัวหนัก
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ได้มีการค้นหา ด.ช.ซูลุยผิว อายุ 2 ขวบ ชาวพม่า หลังหายตัวเข้าไปในไร่อ้อย พื้นที่หมู่ 9 ต.สระพังลาน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 7 ได้ระดมกำลังเดินปูพรมลาดตระเวนในไร่อ้อย พื้นที่ 1,400 ไร่ พร้อมกับชาวบ้านอาสาในพื้นที่ ที่ให้ความช่วยเหลือ ตามที่ได้มีการนำเสนอไปแล้วนั้น
ต่อมามีรายงานว่าทางด้านพลตำรวจตรีคมศักดิ์ สุมังเกษตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมทีมพนักงานสอบสวนร่วมกันแถลงข่าว กรณีการเสียชีวิตของด.ช.ซูลุยพิว หรือ น้องต้าแง ชาวเมียนมา หลังจากความคืบหน้าผลพิสูจน์ สถาบันนิติวิทยานิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ และนิติวิทยาศาสตร์กระทรวงยุติธรรมออกมาตรงกัน ว่าเด็กเสียชีวิตเองจากการจมน้ำ
ขณะที่ทางด้านพ.ต.อ.สมเดช เกษมสุข ผกก.สอบสวน กลุ่มงานสอบสวน.ภ.จว.สุพรรณบุรี ได้ชี้แจงถึงประเด็นที่มีการตั้งข้อสงสัยเพิ่มเติม ในจุดที่พบร่างเด็กชาย 2 ขวบ เสียชีวิต ว่าทำไมถึงหาไม่เจอตั้งแต่วันแรกที่มีการระดมเจ้าหน้าที่ค้นหา ทั้งที่จุดดังกล่าวมีการค้นหาจนทั่วแล้วในวันแรก แต่กลับไปพบเด็กนั้น
ว่าจากผลการชันสูตรเราได้นำมาเทียบเคียงกับสมมติฐานตอนต้น ว่า อาจจะเกิดการอุบัติเหตุ หรือมีการพาน้องไป ซึ่งพบว่าสภาพศพภายนอก ไม่น่าจะมีการทำให้เสียชีวิต อีกทั้งการสืบสวนในวันเกิดเหตุ ทราบว่าเด็กมีการเล่นกันอยู่ ซึ่งเด็ก 3 ขวบ บอกว่า มีคนพาไปนั้นเป็นความจริง
ทั้งนี้พบว่าสมมติฐานที่ 2 ที่มีคนพาไปเป็นเรื่องถูกต้อง ว่า มีคนพาไป โดยการสอบสวนนายฝน ชายสติไม่ดี อายุ 32 ปี ทางทีมสอบสวนโดยใช้นักจิตวิทยาเข้ามาสอบสวน นายฝนเล่าว่า มีการพาเด็กไป ไม่สามารถช่วยน้องได้ เพราะน้องตัวหนัก
โดยร่องน้ำที่พบเป็นร่องน้ำลึก 150 ซ.ม. ซึ่งน้ำจะปล่อยมาเป็นระยะ วันที่เกิดเหตุน้ำถูกปล่อยมาเต็มร่องน้ำ ซึ่งคำพูดแรกของนายฝน คือ น้องจมน้ำ โดยการสอบสวนทำได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากสมองของนายฝน เท่าเด็ก 5 ขวบ แต่มีการพูดว่าน้องกลัววิ่งหนี
การสอบสวนผู้ที่พัฒนาการทางสมองต่ำกว่าปกติ ได้สอบสวนพร้อมพ่อแม่ นักจิตวิทยา วันที่สอบสวน มีการให้นายฝน นำทางไป โดยมีการถ่ายวิดีโอ พบว่านายฝนนำทางไปถูกทั้งสองครั้ง ส่วนของเล่นที่เป็นรถไถ อยู่ติดกับบ้านนายฝน เพราะเด็กข้างบ้านมีหลายคัน เชื่อว่านายฝน ไปหยิบมาเพื่อให้น้องด้วย ซึ่งชายคนนี้มีความเกี่ยวข้องกับเด็ก แต่ไม่มีข้อบ่งชี้ว่าทำร้ายเด็ก และการที่ไม่พบศพในวันแรกๆ
ทั้งที่บริเวณดังกล่าวเป็นจุดที่มีการตัดอ้อยออก น่าจะเพราะศพยังไม่ขึ้นมาจากน้ำจึงไม่ได้กลิ่น ซึ่งมีเจ้าหน้าที่อยู่บริเวณนั้นตลอดเวลา
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหาพรากผู้เยาว์ แต่ยังไม่โดนคดีฆ่าคนตาย ต้องรอการพิสูจน์หลักฐานอีกครั้งหนึ่ง หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบอีกครั้ง
นอกจากนี้ทางด้านพ.ต.อ.รณกร ประคองศรี ผู้กำกับการ สภ.สระยายโสม เปิดเผยเพิ่มเติมในการเอาผิดชายสติไม่ดี ระบุว่า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 "ผู้ใดโดยปราศจากเหตุอันสมควร พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกพันบาทถึงสามหมื่นบาท” นอกเหนือจากนี้ต้องรอการสืบสวน และผลชันสูตรต่อไป
ล่าสุดทางด้านายวันชัย สอนศิริ ทนายความชื่อดัง ได้ให้ความรู้ในกรณีนี้ว่า คนสติไม่ดีที่มีส่วนทำให้เด็กเสียชีวิต โดยทนายความชื่อดังให้ความเห็นว่า ความผิดของคนบ้า หรือคนที่มีจิตบกพร่อง โรคจิต จิตฟั่นเฟือน กฎหมายถือว่าเป็นความผิด แต่กฎหมายก็ยังบอกไว้อีกว่า ไม่ต้องรับโทษ
โดยประมวลกฎหมายอาญา ระบุว่า มาตรา 65 ผู้ใดกระทำความผิด ในขณะไม่สามารถรู้ผิดชอบ หรือไม่สามารถบังคับตนเองได้เพราะมีจิตบกพร่อง โรคจิตหรือจิตฟั่นเฟือน ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษสำหรับความผิดนั้น
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้พ่อแม่อาจมีความผิดฐานทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกิน 9 ปี ซึ่งความผิดฐานนี้เป็นกรณีที่ผู้นั้นทอดทิ้งเด็กซึ่งอายุยังไม่เกิน 9 ปี ไว้ ณ ที่ใดๆ เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทําให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล ทั้งนี้ เพราะกฎหมายถือว่าเด็กอายุไม่เกิน 9 ปี ยังไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้