- 05 ม.ค. 2562
ก็เป็นอัน "ยืนยัน" ได้แล้วว่า...การเจรจาแบบ "บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น" ของสองแม่ทัพพรรคเพื่อไทยเป็นผลสำเร็จ! หลังจากกระแสข่าวลือสะพัดที่แทบสยบกลบทุกข่าวบ้านการเมือง...ถึงการจัดกระบวนทัพโดยสลับให้ นายชัชชาติ ขึ้นบัญชีเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรี แทนคุณหญิงสุดารัตน์...แม้ว่าทีแรกทางพรรคจะออกมาปัดว่า "ไม่เป็นความจริง" ... สร้างความสับสนงงวยกันถ้วนหน้าว่าตกลงแล้ว...จะเอาอย่างไรกันแน่ ?
ก็เป็นอัน "ยืนยัน" ได้แล้วว่า...การเจรจาแบบ "บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น" ของสองแม่ทัพพรรคเพื่อไทยเป็นผลสำเร็จ! หลังจากกระแสข่าวลือสะพัดที่แทบสยบกลบทุกข่าวบ้านการเมือง...ถึงการจัดกระบวนทัพโดยสลับให้ นายชัชชาติ ขึ้นบัญชีเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรี แทนคุณหญิงสุดารัตน์...แม้ว่าทีแรกทางพรรคจะออกมาปัดว่า "ไม่เป็นความจริง" ... สร้างความสับสนงงวยกันถ้วนหน้าว่าตกลงแล้ว...จะเอาอย่างไรกันแน่ ?
กระทั่งล่าสุดได้รับการยืนยืนเป็นมั่นเป็นเหมาะจากตัวคุณหญิงสุดารัตน์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยความว่า...ไม่เคยปิดโอกาสให้นายชัชชาติ อดีต รมว.คมนาคม เข้ามาเป็นหนึ่งในรายชื่อผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ต้องเสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ... ทั้งยังรำลึกอดีตแต่เมื่อนานนมทำนองว่าทุกครั้งที่พรรคเพื่อไทยได้มีโอกาสทำงานเศรษฐกิจจะดีขึ้น ดังนั้น พรรคจะพาไปสู่ "ความหวังใหม่" อีกครั้ง...น่าสนใจทีเดียวว่าจะเป็นความหวังประเภทไหนกัน?
เพราะเอาเข้าจริง...ประชาชนอาจต้องกลับมาตั้งคำถาม ว่าการวางหมากครั้งนี้จะส่งผลบั้นปลายต่อทั้งเศรษฐกิจและการเมืองในอย่างไรในอนาคต...หากจับพลัดจับผลูให้นายชัชชาติ ได้ขึ้นเป็นนายกฯดังใจฝัน ด้วยตลอดเวลาแต่นานมา จะเห็นได้ว่าพรรคเพื่อไทยเคลมผลงานด้านเศรษฐกิจอยู่เป็นเนืองนิจ...ผ่านมุมมองโดยทั่วไปหากเป็นเรื่องที่สอดคล้องกับคุณภาพชีวิตและปากท้องก็เป็นเรื่องที่ชาวชนต่างถวิลหา หากประการสำคัญเหนืออื่นใดอยู่ที่ว่า ตัวของนายชัชชาติไม่เคยมีผลงานประจักษ์แจ้งแบบเป็นชิ้นเป็นอันกับเขาบ้างแต่อย่างใด
อย่างไรก็แล้วแต่...นับแต่หนหลังมานี้ดูเหมือนว่าทางพรรคเพื่อไทยเองก็พยายามกรุยทางให้นายชัชชาติ ปรากฏต่อหน้าม่านมากขึ้น กับการขึ้นเวทีฟุ้งเป็นคุ้งเป็นแควถึงปัญหาเศรษฐกิจ แต่ไปๆมาๆ กลับดูกลายประหนึ่งว่าเป็นการยัดเยียดทฤษฎีกรอกหูด้วยศัพท์วิชาการ ยากยิ่งเกินกว่าที่ประชาชนจะเข้าถึง...หากไม่ได้วาทศิลป์และบุคลิกลักษณะร่างกำยำแบบ "ใจถึงพึ่งได้" เป็นแรงหนุน ก็อาจไม่ได้ชวนให้คล้อยตามเท่าใดนัก
กว่า 2 ล้านล้านบาท ที่นายชัชชาติ เคยเป็นผู้รับผิดชอบในโครงการเพื่อยกระดับขนส่งมวลชน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยแม้แต่จะได้สัมผัสความศิวิไลซ์ที่คุ้มค่ากับงบประมาณมหาศาลแต่ประการใด...ประเทศไทยยังคงวนเวียนอยู่ในวังวนของถนนลูกรังในเขตชุมชนชายขอบ...เหน็ดเหนื่อยหน่ายหนักกับการจราจรในเมืองกรุง...เหล่านี้ที่ล้วนเป็นปัญหาที่กระทบต่อความต้องการพื้นฐานทั้งสิ้น...แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง ตรงกันข้ามกลับสาละวนอยู่กับการมุ่งหวังพัฒนาโครงการชวนฝันอย่าง "รถไฟความเร็วสูง-รถไฟรางคู่" ซึ่งก็ไม่เห็นว่าจะก่อกำเนิดเป็นรูปเป็นร่าง?
ดังที่ปรากฏเช่นนี้ก็ชวนให้นึกถึง อมตะวลี "ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน" ... เมื่อไม่มีผลงานให้ประจักษ์ทั้งที่นายชัชชาติและพลพรรคเพื่อไทยของเขาเคยได้รับโอกาส ท้ายสุดประชาชนอย่างเราอาจต้องกลับมาตรองให้จงหนัก ว่าควรมอบโอกาสเป็นคำรบสองแก่เขาหรือไม่นั้น...แต่ก็น่าเชื่ออย่างถึงที่สุดว่าจนบัดนี้หลายคนก็อาจยัง "สองจิตสองใจ" ด้วยเพราะมีหลากหลายทางเลือกให้เลือกสรรค์ มิได้ผูกขาดแต่พรรคเก่าพรรคแก่และคนหน้าเดิม...และ "ความหวังใหม่" ดังที่คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวไว้ข้างต้น คืออันใดกัน จะมืดมนอนธการ หรืออย่างดีก็อาจมิใช่ประเภทสุกสกาวโชติช่วงสว่างไสว...ซ้ำร้ายอาจจะ "ริบหรี่" ก็เป็นได้ทั้งสิ้น ?