“กิตติธัช” เคลื่อนไหวกางกฎหมายป่าไม้ ! ยันรัฐบาลปฏิรูปครั้งใหญ่ สื่อพาดหัวบิดเบือนดูไว้! ควรมี “จรรยาบรรณ” อย่าเป็น “ผีโม่แป้ง”

สืบเนื่องจากกรณีที่เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เกี่ยวกับการนำเสนอของสื่อมวลชนบางสำนักมีลักษณะสวนทางกับข้อเท็จจริง จนทำให้ผู้เสพสื่อเข้าใจผิด ว่าด้วยประเด็นการแก้ปัญหาการถือครองที่ดินและการดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน

“กิตติธัช” เคลื่อนไหวกางกฎหมายป่าไม้ ! ยันรัฐบาลปฏิรูปครั้งใหญ่ สื่อพาดหัวบิดเบือนดูไว้! ควรมี “จรรยาบรรณ” อย่าเป็น “ผีโม่แป้ง”

 

สืบเนื่องจากกรณีที่เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เกี่ยวกับการนำเสนอของสื่อมวลชนบางสำนักมีลักษณะสวนทางกับข้อเท็จจริง จนทำให้ผู้เสพสื่อเข้าใจผิด ว่าด้วยประเด็นการแก้ปัญหาการถือครองที่ดินและการดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ตั้งแต่ปี 2558 จนถึง ปัจจุบันว่า ทางนางรวีวรรณ ภูริเดช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ออกมาเผยว่า ขณะนี้ได้วางกรอบพื้นที่ไว้ 884 พื้นที่ครอบคลุม 70 จังหวัด รวมเนื้อที่กว่า 1.3 ล้านไร่ ใน 6 ประเภทที่ดิน คือ ป่าสงวนแห่งชาติ 248 พื้นที่ 61 จังหวัด รวมกว่า 1.14 ล้านไร่

โดยเป็นการดำเนินงานต่อเนื่อง ในเบื้องต้นการจัดสรรที่ดินและออกหนังสืออนุญาตไปแล้วกว่า 473,050 ไร่ ใน 140 พื้นที่ 57 จังหวัด จัดสรรคนลง 165 พื้นที่ 52,362 คน รวม 66,733 แปลง ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ 118 พื้นที่ ใน 56 จังหวัดคือ ป่าสงวน ป่าชายเลน ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน ที่ดินสาธารณประโยชน์ และที่ราชพัสดุ จะเน้นให้ประชาชนในพื้นที่ปลูกไม้มีค่า และไม้ยืนต้นสร้างรายได้ในระยะยาว แทนการปลูกพืชเชิงเดียว

พร้อมกันนั้นนายวีระยุทธ วรรณเลิศสกุล ผู้อำนวยการส่วนจัดการที่ดินและชุมชนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ สำนักฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จากการสำรวจในเบื้องต้นทำให้ ครม. มีมติเห็นชอบการแก้ปัญหาการอยู่อาศัยและทํากินในพื้นที่ป่าไม้ทุกประเภทที่มีการแก้กฎหมายพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 เพื่ออนุญาตให้ราษฎรอยู่อาศัยและใช้ประโยชน์อย่างเกื้อกูลธรรมชาติภายในป่าอนุรักษ์ได้เป็นครั้งแรกของประเทศ

“กิตติธัช” เคลื่อนไหวกางกฎหมายป่าไม้ ! ยันรัฐบาลปฏิรูปครั้งใหญ่ สื่อพาดหัวบิดเบือนดูไว้! ควรมี “จรรยาบรรณ” อย่าเป็น “ผีโม่แป้ง”

จากข้อมูลเหล่านี้สะท้อนได้ว่าแท้จริงแล้ว...เจตนารมณ์ของรัฐ ผ่านทางมติ ครม. คือการมุ่งเน้นจัดสรรปันส่วนให้ประชาชนในพื้นที่มีที่ดินทำกิน สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปรกติสุขและคงไว้ซึ่งทรัพยากรธรรมชาติ ภายใต้กรอบมาตรการ 4 ประการอันได้แก่

1.จัดระเบียบการใช้ที่ดินทำกิน และรับรองการอยู่อาศัยทำกินในลักษณะแปลงรวม
2.กำกับควบคุมจัดการการใช้ที่ดินและป่าไม้ภายใต้การอนุรักษ์และพัฒนาอย่างยั่งยืน ห้ามบุกรุกขยายพื้นที่
3.ฟื้นฟูสภาพป่าในรูปแบบการมีส่วนร่วม ส่งเสริมราษฎรปลูกป่า 3 อย่าง
4.ใช้มาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำควบคุมผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ลดการชะล้างพังทลาย

“กิตติธัช” เคลื่อนไหวกางกฎหมายป่าไม้ ! ยันรัฐบาลปฏิรูปครั้งใหญ่ สื่อพาดหัวบิดเบือนดูไว้! ควรมี “จรรยาบรรณ” อย่าเป็น “ผีโม่แป้ง”

ตอกย้ำเจตนารมณ์ของรัฐบาลให้ชัดเจนมากขึ้น ผ่านคำยืนยันจาก เลขาธิการ สผ. ว่า ไม่ได้ส่งเสริมให้คนเข้ามาบุกรุกป่า แต่เป็นการแก้ปัญหาด้วยโจทย์ว่าจะทำอย่างไรเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ป่าโดยไม่กระทบต่อระบบนิเวศน์และรักษาป่าเดิมไว้ และที่สำคัญเพื่อให้ประชาชนสามารถอาศัยอยู่ในผืนป่าได้อย่างถูกกฏหมายจึงจำเป็นต้น ปลดล็อกกฎหมายบางตัว เช่น พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 เรื่องพื้นที่ป่าอนุรักษ์ เป็นต้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด 8 ม.ค. 2562 บนเฟสบุ๊ก Kittitouch Chaiprasith ซึ่งเป็นของนักวิชาการอิสระ ได้โพสต์ถึงกรณีดังกล่าวไว้อย่างสนใจโดบระบุว่า

“กิตติธัช” เคลื่อนไหวกางกฎหมายป่าไม้ ! ยันรัฐบาลปฏิรูปครั้งใหญ่ สื่อพาดหัวบิดเบือนดูไว้! ควรมี “จรรยาบรรณ” อย่าเป็น “ผีโม่แป้ง”

การปฏิรูปกฎหมายป่าไม้ 
การปฏิรูปครั้งใหญ่ในรอบ 80 ปี!!
-----------------------

- เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับที่เมื่อก่อนปีใหม่ อ.ศศิน เฉลิมลาภ แห่งมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ออกมาโวยวายเรื่องที่สื่อหลายสำนัก ไปพาดหัวประหนึ่งว่ารัฐเอาที่ป่าอนุรักษ์ไปแจกให้คนบุกรุกป่า แล้วก็ให้คนเมืองที่ไม่รู้อะไรเลยเข้ามาด่ากันยกใหญ่

- บางคนถึงกับด่า อ.ศศินด้วยคำหยาบคายมากมายเช่นว่า เป็นนักอนุรักษ์ขายตัวบ้าง เป็นนักอนุรักษ์ปัญญาอ่อนบ้าง โดยที่คนเมืองที่นั่งกระดิกเท้าในห้งอแอร์เหล่านั้น ไม่ทราบเลยว่ารัฐบาลกำลังทำอะไร และเขาปฏิรูปอะไรอยู่?

(อ.ศศินถึงกับของขึ้น ด่าว่าคนทำงานแก้ไขปัญหากันแทบตาย แต่สื่อเอามาบิดเบือนใส่ร้ายกันไปหมด)

https://www.facebook.com/Sasin.Seub/posts/405022840038869

- โพสท์นี้ผมจะมาทำความเข้าใจว่าแท้ที่จริงแล้วรัฐบาลกำลังปฏิรูปอะไรกันอยู่ เพราะเรื่องนี้สำคัญมาก และจะเป็นก้าวใหญ่ของแนวคิดเรื่องป่าไม้ ที่จะลดปัญหาคนกับป่า และช่วยสร้างพื้นที่หล่อเลี้ยงชีวิตและเศรษฐกิจให้กับคนอีกหลายล้านคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่า

-----------------------
พ.ร.บ.ป่าชุมชนและการปลดล็อคไม้เศรษฐกิจ
-----------------------

- จริงๆ ปีที่แล้วมีการปฏิรูปใหญ่ที่สำคัญมากเรื่องนี้ที่คนในสังคมไทยจำนวนมากยังไม่ทราบ นั่นคือการปฏิรูปแนวคิดเรื่องป่าไม้ ซึ่งตามมาด้วยการออก "ร่างพระราชบัญญัติป่าชุมชน" ในช่วงกลางปี 2561 ที่ผ่านมา

- และตามมาติดๆ ในช่วงหลังของปี กับการ #ปลดล็อคไม้เศรษฐกิจ จำนวน 58 ชนิดที่กฎหมายเดิมตั้งแต่ปี 2484 (เกือบ 80 ปีที่แล้ว) เขียนไว้เพื่อป้องกันการตัดไม้เศรษฐกิจเหล่านี้

https://www.thairath.co.th/content/1350685
https://www.posttoday.com/politic/report/555365
https://www.matichon.co.th/politics/news_966360

-----------------------
ปัญหาที่เกิดมาตลอด 80 ปี
-----------------------

- ในขณะที่ความเป็นจริงเชิงปฏิบัติและข้อมูลเชิงวิชาการ พบว่ากฎหมายที่มอง "คน" แยกกับ "่ป่า" นั้นได้สร้างปัญหามากมายให้กับคนอยู่ป่าร่วม 10 ล้านคนทั่วประเทศ

- ที่ผ่านมาคนที่อยู่กับป่า หากินกับป่า หาของป่า จำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มชาติพันธุ์ อย่างปกาเกอะญอ (หรือที่คนพื้นราบเรียกเขาว่า กระเหรื่ยง) ซึ่งมีวิถีชีวิตที่อาศัยกับป่า เช่น เขาจะมีการแบ่งป่าเป็น ป่าอนุรักษ์, ป่าความเชื่อ, ป่าใช้สอย

- ในป่าอนุรักษ์เขาจะรักษาไว้เช่นเดียวกับที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้รักษาป่าให้อุดมสมบูรณ์ ในขณะที่ ป่าความเชื่อจะเป็นที่ใช้ประกอบพิธีกรรม ส่วนป่าใช้สอยจะเป็นป่าที่มีการปลุกไม้เพื่อตัดหรือเก็บมาใช้งาน เช่น ปลูกสร้าง(หมู่)บ้านและเรือน ทำเครื่องใช้ไม้สอย และกิจกรรมชีวิตต่างๆ

- กระบวนการจัดการเช่นนี้ มีระเบียบข้อบังคับของหมู่บ้าน ของชุมชน ที่นำความเชื่อและวัฒนธรรมท้องถิ่นเข้ามาสร้างจารีตให้คนในหมู่บ้านรักษ์ป่า และไม่ทำลายป่าไม้ แต่รู้จักใช้สอยป่าและฟื้นฟูป่าเมื่อถึงเวลา

คนอยู่ป่า = คนบุกรุกป่า?
-----------------------

ที่ผ่านมา กฎหมายป่าไม้ จะระบุว่า...

คนที่อยู่ป่า = คนบุกรุกป่า ทำลายป่า 
(และคนในเมืองก็เข้าใจไปเช่นนั้นเสียหมด)

- จึงทำให้เกิดปัญหาระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับคนอยู่ป่ามากมาย มีกรณีที่เจ้าหน้าที่ใช้กำลังรุนแรง ขับไล่ชุมชนออกมาป่า ที่เขาอยู่มานานตั้งแต่บรรพบุรุษ (หลายที่อยู่มาก่อนที่ประเทศสยามจะเป็นชื่อเป็นไทยเสียอีก) จนเกิดเป็นคดีความ

- ดังเช่น กรณีปู่คออี้ ที่ถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไล่ออกจากบ้านแล้วเผาบ้านของเขาทิ้ง และตั้งข้อหาบุกรุกป่า ในที่ซึ่งเขาอยู่และดูแลป่ามาใช้ชีวิตกว่า 100 ปี (ปู่คออี้ชนะคดีเรื่องที่เจ้าหน้าที่เผาบ้านเขา ตอนกลางปี และเสียชีวิตตอนเดือนตุลา 2561 ด้วยอายุ 107 ปี)

https://www.thairath.co.th/content/1305652
https://www.pptvhd36.com/…/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B…/90568

-----------------------
ปฏิรูปยกแรก: พ.ร.บ.ป่าชุมชน
-----------------------

- จากปัญหาที่สั่งสมมากว่า 80 ปี ทำให้รัฐบาลดำเนินการแก้ปัญหาด้วยการออกกฎหมาย #ป่าชุมชน ซึ่งมีสาระที่จะเปลี่ยนแปลงแนวคิดเรื่องคนกับป่า ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 80 ปี

- โดยสาระคือ การยอมรับความจริงว่า เราไม่สามารถแยกคนร่วม 10 ล้านคนออกมาจากป่าได้แน่นอน เพราะคนยังอยู่อาศัยป่าอยู่มาก (อันนี้ต้องแยกกับพวกผู้บุกรุกป่าจริงๆ นะครับ)

- คือ ป่าชุมชนนั้นมีมานานแล้วครับ น่าจะตั้งแต่ประมาณปี 2539 ได้ แต่ที่ผ่านมากฎหมายรับรองสิทธิของคนอยู่ป่านั้นยังไม่มีเลย ป่าชุมชนที่ป่ามาก็เหมือนเป็นข้อตกลงที่รับรุ้ร่วมกัน

- ทำให้มีการประทบกระทั่ง และ มีคดีความระหว่างเจ้าหน้าที่กับคนอยู่ป่าเป็นประจำ จนล่าสุดเมื่อมิถุนายนปี 2561 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีได้ผ้านร่างกฎหมายป่าชุมชน ตามการผลักดันของกรมป่าไม้เป็นที่เรียบร้อย

https://www.thaiquote.org/content/30706…

- โดยสาระคือ ยอมให้คนอยู่กับป่าได้ โดยออกเอกสารเป็นที่ทำกิน และไม่ใช่เอกสารในการครอบครองเป็นกรรมสิทธิ์ส่วนตัว โดยใช้การจัดระเบียบด้วยฐานข้อมูล แทนที่จะไปไล่คนออกจากป่าทั้งหมด โดยไม่ดูข้อมูลอะไรเลย...

-----------------------
เทคโนโลยีกับข้อมูล Big DATA ที่ชัดเจน
-----------------------

- ประกอบกับเทคโนโลยีสมัยใหม่อยา่งระบบ GIS หรือ geographic information system ที่ช่วยทำแผนที่ทางอากาศซึ่งจะระบุได้เลยว่ามีพืชพันธุ์ตรงไหนบ้าง ตรงไหนเป็นที่รกร้าง ตรงไหนเป็นที่ของสิ่งปลุกสร้าง

(อธิบายง่ายๆ มันเหมือน Goolge Map ที่เอามาใส่ข้อมูลเพิ่มและทำเป็นช่องตาราง เพื่อเช็คความเคลื่อนไหวหรือเปลี่ยนแปลงบนพื้นดินและป่าไม้)

http://www.gisthai.org/about-gis/gis.html

- ซึ่งทำให้ตอนนี้แผนที่ GIS ของป่าทั่วประเทศกำลังใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ (เขาทำมาหลายปีแล้ว) และเมื่อเสร็จสมบูรณ์เมื่อไร ขอบเขตแนวป่า รวมถึงแม้แต่ "ต้นไม้ใหญ่" ที่อยู่ในที่ดินแต่ละต้นก็จะได้รับการขึ้นทะเบียน

-----------------------
จัดระเบียบคนอยู่ป่าตามระดับชั้นของลุ่มน้ำ
-----------------------

- โดยในอนาคตเมื่อต่อไปทางกรมป่าไม้ ทำแผนที่ GIS ครบหมดก็จะนำข้อมูลดังกล่าว มาจัดระเบียบโดยใช้หลักการกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ ซึ่งแบ่งเป็น 5 ระดับ

- ไล่ตั้งแต่ระดับที่ 1-2 ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นน้ำที่ต้องอนุรักษ์ ทางกรมป่าไม้อาจอนุญาตให้ทำกิจการที่ไม่กระทบต่อความสมบูรณ์ของพื้นที่ต้นน้ำ เช่น พวกเกษตรกรรมก็คงไม่ให้ทำเลย แต่ถ้าเป็นหาของป่า หรืออะไรเล็กน้อยก็อาจทำได้อยู่

- แต่ถ้าชาวบ้านมีความลำบากในการใช้ชีวิต ทางภาครัฐก็ต้องหาทางปรับเปลี่ยนให้เขา เช่นสร้างอาชีพอื่นๆ หรือเปลี่ยนให้ลงมาทำเกษตรกรรมในพื้นที่ลำดับชั้นรองลงมาแทน เป็นต้น

- ต่อไปจะมีการระบุชัดเจนว่าพื้นที่ 1-5 นั้นตรงไหนทำอะไรได้บ้าง อย่างกว้างๆ เพื่อให้หลักการในการรักษาป่ายังคงอยู่ด้วย ไม่ใช่ให้ชาวบ้านทำอะไรก็ได้ตามใจชอบไปเสียหมด ป่าชุมชนก็ยังต้องมี "กฎของป่าชุมชน" อยู่

-----------------------
ปฏิรูปยกสอง: ปลดล็อคไม้เศรษฐกิจ
-----------------------

- และเมื่อต่อไปคนกับป่าอยู่ร่วมกันแล้ว ภาครัฐยังได้ทำการแก้ไขกฎหมายไม้เศรษฐกิจจำนวน 58 ชนิด ที่กฎหมายเขียนมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2484 ระบุว่า ไม้สัก ไม้ตะเคียน ฯลฯ เป็นไม้หวงห้าม

- ดังที่เราได้เห็นข่าวกันว่า ถ้าต้นสักขึ้นในพื้นที่บ้านใคร ต่อให้มันล้มทับบ้านก็ห้ามตัด ห้ามเคลื่อนย้าย เพราะถ้าตัดหรือเคลื่อนย้ายถือว่ามีความผิดทางกฎหมายและมีสิทธิติดคุกได้!!!

- ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านรอบๆ เรารวมถึง จีน ญี่ปุ่น กลับมีกฎหมายเอื้อให้เกิดการปลูกไม้เศรษฐกิจ เพื่อส่งออกมาหรือแปรรูปมาใช้กันจนสร้างรายได้ให้กับประเทศมากมาย

- ส่วนกฎหมายไทยที่เขียนไว้ตั้งแต่ 80 ปีนั้น มีแต่ความล้าหลังและสร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการอนุรักษ์ป่า ทำให้เกิดปัญหามากมาย

- แต่ในที่สุดการปฏิรูปครั้งใหญ่ก็มาถึง เมื่อรัฐบาลปลดล็อคไม้เศรษฐกิจเหล่านี้ เพื่อให้คนไทยสามารถปลูกไม้ยืนต้น ไม่ว่าจะเป็นที่ดินกรรมสิทธิ์ (ที่ดินส่วนตัว) หรือที่รัฐให้สิทธิทำกิน (ที่ของรัฐ)

- ต่อไปคนไทยจะสามารถปลูกไม้เหล่านี้ แล้วนำมาขายในอีก 10-20 ปีข้างหน้า ไม่ต่างจากการฝากเงินในธนาคารแต่เป็น #ธนาคารป่าไม้ ที่เป็นการออมทรัพย์เพื่อลูกหลานในอนาคต

- และนอกจากนี้ รัฐยังจะเปิดให้นำไม้เหล่านี้ไปใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อขอกู้จาก ธกส.มาลุงทุนเพาะปลูกพืชชนิดอื่นได้อีกด้วย!!!

-----------------------
ระบบ e-Tree
-----------------------

- โดยตอนนี้กรมป่าไม้มีระบบ e-Tree ที่เป็นแอพริเคชั่นให้ประชาชนลงทะเบียนไม้ยืนต้นของตนเองได้ และในอนาคตก็จะมีการระบุข้อมูลลง Big Data ซึ่งประกอบด้วยการลงทะเบียน ข้อมูลจาก GIS และการสำรวจของเจ้าหน้าที่ เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ

- นอกจากนี้ยังทำให้ไม้ยืนต้นสำคัญๆ อยู่ภายใต้ระบบการเฝ้าดูแลของภาครัฐ ซึ่งจะทำให้ไม้เหล่านั้นสามารถแปรรูปและส่งออกขาย เพื่อสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนได้ในอนาคต

- ต่อไปการลงทะเบียน การแจ้งตัด การแจ้งเคลื่อนย้าย จะสามารถใช้ระบบของแอพริเคชั่นได้ ซึ่งจะเพิ่มความสะดวกและลดขั้นตอนของระบบราชการที่ยุ่งยากและชักช้าเช่นเดิม

อ้างอิง:

- Forestbook EP58 : จับตา คทช. กับ ป่าเศรษฐกิจ
https://www.youtube.com/watch?v=f9GHar7cqTA
- สาระสำคัญในพ.ร.บ.ป่าชุมชน โดยมูลนิธิสืบนาคะเสถียร
https://bit.ly/2TsJWXM
- Teaser พ.ร.บ. ป่าชุมชน
https://www.facebook.com/CommunityForestOnline/videos/1970916139622401
- แก้กฎหมายป่าไม้
https://www.facebook.com/join.forestbook/videos/619737568448295/
- รายการธรรมชาติมาหานคร ตอน "ป่าชุมชน คนกับป่า"
https://www.youtube.com/watch…
- 'กอบศักดิ์'ลงพื้นที่กำแพงเพชรติดตามนโยบาย'ป่าชุมชน'
https://www.naewna.com/politic/384669

---------------------

ป.ล.เห็นบางพรรคการเมืองประกาศนโยบายเพิ่มพื้นที่ป่าให้ได้ 50% บลาๆๆ เขาจะรุ้ไหมว่าในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีประกาศให้ถึง 55% ด้วยซ้ำ แถมรัฐบาลชุดปัจจุบันเขาทำการปฏิรูปเรื่องพวกนี้ไปไกลกว่าที่พวกคุณหาเสียงกันมากแล้วครับ

(นี่แค่นโยบายเดียวนะครับ จริงๆ แล้วหลายอันที่พรรคการเมืองต่างๆ หาเสียง รัฐบาลเขาทำไปไกลกว่านั้นมากแล้วด้วยซ้ำ)

 

“กิตติธัช” เคลื่อนไหวกางกฎหมายป่าไม้ ! ยันรัฐบาลปฏิรูปครั้งใหญ่ สื่อพาดหัวบิดเบือนดูไว้! ควรมี “จรรยาบรรณ” อย่าเป็น “ผีโม่แป้ง”