ชำแหละประวัติ "เอกชัย" จากคนขายหวย สู่ นักเคลื่อนไหวการเมืองจอมขวางโลก ซ้ำยังเอี่ยวม.112

ยังคงเป็นประเด็นร้อนทางการเมือง อยู่ณ ขณะนี้ สำหรับกรณี "เอกชัย หงส์กังวาน" จากคนขายหวยผู้ไม่สนโลก สู่นักเคลื่อนไหวการเมืองสุดซ่า ซึ่งมีรายงานว่ารถยนต์ของเขา ได้ถูกมือดีวางเพลิง เมื่อเวลา 3 นาฬิกา ของวันที่ 26 มกราคม ที่ผ่านมา โดย "นายเอกชัย" ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟชบุ๊กส่วนตัว  "เอกชัย หงส์กังวาน"  ระบุว่า....

 

 

"26 ม.ค. 2562 เวลา 3.00 น. ชาย 1 คนจุดไฟเผารถยนต์ของผมที่บริเวณหน้าบ้านของผม หลังความพยายามดึงภาพจากกล้องวงจรปิดทำให้เห็นชายคนนี้สวมเสื้อแจ็กเก็ต-หมวกแก๊ปเดินออกจากในซอยของผม ในมือของเขาถือขวดน้ำมันฉีดที่รถยนต์ของผม และจุดไฟเผารถยนต์ของผมจนได้รับความเสียหาย ในเวลาต่อมา ได้มีการเปิดเผยคลิปจากกล้องวงจรปีดจับภาพ ชายต้องสงสัย สวมหมวกแก๊ป ความยาวเป็นเวลา 1นาที โดยระบุว่า “คลิปนาทีคนร้ายใช้น้ำมันราดรถยนต์ของผม และจุดไฟเผา"

 

 ทั้งนี้ หากย้อนดูประวัติของเขา คอการเมืองและนักเคลื่อนไหวน่าจะคุ้นหน้า "เอกชัย หงส์กังวาน" นักกิจกรรมทางการเมือง ที่เคยสวมนาฬิกาหลายเรือนและพยายามนำไปมอบให้ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทั้งไปหายังทำเนียบรัฐบาล บ้านสี่เสาเทเวศน์ หรือแม้แต่บ้านพักของรองนายกฯ เอง แต่ไม่มีครั้งไหนสำเร็จเพราะถูกทหารตำรวจรวบตัวไว้ได้ก่อน 

 

 

เมื่อปี 2546 "สมัยรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร" เขาได้นำสลากพิเศษเลขท้าย 2 และ 3 ตัว หรือ หวยบนดิน มานั่งขายตรงปากซอยลาดพร้าว 109 ช่วงนั้นเขารู้สึกชอบมากเพราะเป็นธุรกิจที่สร้างเม็ดเงินได้งดงามและไม่เหนื่อย ทว่าจุดเปลี่ยนทำให้ผู้ไม่เคยสนใจการเมือง ออกมาร่วมชุมนุมครั้งแรกเกิดขึ้นช่วงปี 2549 หลัง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ทำรัฐประหาร ก่อนเปิดทางให้ "พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์" เป็นนายกรัฐมนตรี  "พล.อ.สุรยุทธ์" ได้สั่งยกเลิกหวยบนดิน ซึ่งเป็นธุรกิจสร้างรายได้ให้เขาในขณะนั้น กลายเป็นจุดสำคัญทำให้เขา จากคนที่ไม่เคยสนเรื่องการเมืองออกมาร่วมชุมนุม 

นอกจากนี้ "เอกชัย" ติดตามการเมืองเรื่อยมา และถูกดำเนินคดีอาญามาตรา 112 กรณีจำหน่ายซีดีสารคดีการเมืองไทยที่จัดทำโดยสถานีโทรทัศน์ของประเทศออสเตรเลีย และเอกสารวิกิลีกส์ จนถูกศาลพิพากษาสั่งจำคุก 3 ปี 4 เดือน เมื่อวันที่ 28 มี.ค.2556 ถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เป็นเวลา 2 ปี 8 เดือน เมื่อพ้นโทษออกมาช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2558 ก็ได้รวมตัวกับเพื่อนตั้งสมาคมเพื่อเพื่อน ในการช่วยเหลือผู้ถูกดำเนินคดีทางการเมือง  ทั้งนี้ ชีวิตของนักกิจกรรมการเมืองคนนี้ เคยต้องโทษ 1 ครั้ง ถูกรวบตัวไปปรับทัศนคติไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง ปัจจุบันยังมีคดีค้างในชั้นพนักงานสอบสวนอีก 3 คดี (พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ฐานโพสต์ลามกอนาจาร คดีชุมนุมตรงสถานีรถไฟฟ้าสนามกีฬาแห่งชาติ และหน้ากองทัพบก) ถึงอย่างไรแม้เขาถูกจับมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่ก็ยังไม่หยุดเดินหน้าทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เรื่อยมา จนถึงทุกวันนี้

 

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับ "นักเคลื่อนไหวการเมืองจอมขวางโลก"คนนี้แล้ว ก็ต้องจับตาดูกันต่อไป ว่าเส้นทางการเมืองของเขานั้นจะเป็นอย่างไร และ จะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ ?