- 28 ม.ค. 2562
ชำแหละนโยบายพรรคไหนโม้ Part1 : "พรรคเพื่อไทย" ประชานิยมขายฝัน? ทำชาวนาน้ำตาตก เก่งแต่ทำนาบนหลังคน!
ณ เวลานี้ สถานการณ์ทางการเมืองเริ่มคึกคักและเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เหล่าบรรดานักการเมืองแต่ละพรรคฯ ต่างแห่กันออกมาโชว์ของ แสดงสปิริตอย่างเต็มที่ หลักจากที่เมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมา พระราชกฤษฎีกาประกาศให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปพ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อแต่นี้ก็เดินหน้าในการเลือกตั้ง ตามกลไลและทิศทางต่อจากนี้แล้วหากดูตามเงื่อนของเวลา จะมีการจัดเลือกตั้งในกรอบ 150 วัน หลังพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.มีผลบังคับใช้
ทั้งนี้ มีผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง62 ออกมาให้ได้เห็นและตัดสินใจกันง่ายมากขึ้น อาทิ “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “การหาเสียงกับการเลือกตั้ง 2562” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 23 – 24 มกราคม 2562 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,250 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้ง 2562
จากการสำรวจสรุปพอสังเขปได้ดังนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 42.32 คิดว่านโยบายของพรรคการเมืองมีผลต่อการตัดสินใจ แต่ ไม่ค่อยเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ได้จริง ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับการซื้อ – ขายเสียง ช่วงระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 78.16 ระบุว่า มีแน่นอน
และหลังจากไม่มีการเลือกตั้งมา 5 ปี ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 72.64 มีความกระตือรือร้นที่จะไปลงคะแนนเลือกตั้งในครั้งนี้ ท้ายที่สุด ประชาชน ร้อยละ 30.32 อยากได้ส.ส.เข้าถึงประชาชน เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้น
นอกจากนี้ทางด้านของ “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,132 คน ระหว่างวันที่ 23-26 มกราคม 2562 หัวข้อ “การเปิดตัวหาเสียงของพรรคการเมืองไทย ณ วันนี้” ภายหลังจากที่ คสช. มีคำสั่งปลดล็อคให้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ ส่งผลให้หลายพรรคการเมืองลงพื้นที่ ออกเดินสายหาเสียง เปิดตัวผู้สมัครและทำกิจกรรมทางการเมืองกันอย่างคึกคัก เพื่อที่จะให้การเลือกตั้ง การหาเสียงเป็นที่ถูกใจของประชาชน จากการสำรวจสรุปพอสังเขปได้ดังนี้
ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 30.72% คิดว่าการเปิดตัวหาเสียงของพรรคฯ ทำให้บรรยากาศทางการเมืองดีขึ้น และทำให้ได้รู้ถึงนโยบายของในแต่ละพรรคฯ และนโยบายของแต่ละพรรค ต้องทำได้จริง ไม่โอ้อวด หรือ พูดเกินจริง ..
อย่างไรก็ตาม การใช้สิทธิ์เลือกตั้งนั้น ถือเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจาก ประชาชนคนไทยทุกคนต้องตัดสินใจเลือกคนที่ดีและเหมาะสมที่สุด ก็เท่ากับว่า เราจะอยู่กับการบริหารประเทศของรัฐบาลนั้นไปถึง4ปี นอกจากนี้ เรื่องนโยบายนั้นก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะหากนโยบายพรรคไหนตรงและโดนใจมากที่สุด พรรคการเมืองนั้นๆก็จะถูกตัดสินใจเลือกเข้าไปนั่งครองใจของประชาชน ทั้งนี้ต้องอย่าลืมว่า นโยบายต่างๆที่เหล่าบรรดานักเมืองวาดเขียน จัดสรรขึ้นมานั้น ต้องทำได้จริงๆ ไม่ใช่แค่การขายฝัน หรือ หลอกประชาชน เหมือนในทุกๆครั้งที่ผ่านมา หรือไม่?
หากย้อนกลับไป เชื่อว่าหลายคนยังคงจำกันได้ นโยบายหาเสียงของ "พรรคเพื่อไทย" กับประโยคเด็ด ที่ว่า "เราจะนำระบบรับจำนำข้าวกลับมาดีไหมคะ" น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวขณะหาเสียงกับประชาชนเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2554 นโยบายฉาวดังกล่าวที่ผลักดันให้เธอขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ "โครงการรับจำนำข้าว" ริเริ่มโดยผู้เป็นพี่ อย่าง "นายทักษิณ ชินวัตร" ต่อมา"รัฐบาลยิ่งลักษณ์" นำมาดำเนินการ แต่เมื่อโครงการมีปัญหาพบการทุจริต ฝ่ายเสมียนผู้ภักดีอย่าง"นายบุญทรง เตริยาภิรมย์" รมว.พาณิชย์ ต้องติดคุก ไปพร้อมกับปริศนา "กูพูดไม่ได้"
ไม่ว่าจะอย่างไร "นายทักษิณ" เคยโฟนอิน เรื่องนโยบายโครงการดังกล่าว เมื่อวันที่ 23 เม.ย.2554 "ผมจะนำวิธีรับจำนำมาใช้ ข้าวเปลือกขาวเกวียนละ 15,000 บาท ข้าวหอมมะลิเกวียนละ 20,000 บาท นี่คือราคารับจำนำของพรรคเพื่อไทย" อย่างไรก็ดี หากยิ่งลักษณ์ คือทายาททางการเมืองของทักษิณ นโยบายดังกล่าวก็คงไม่ต่างกัน อย่างวลีเด็ดที่พรรคเพื่อไทยไม่เคยปฏิเสธว่า "ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ..."
อย่างไรก็ตาม โครงการรับจำนำข้าว ริเริ่มขึ้นตั้งแต่สมัยรัฐบาลคุณพี่ สู่สมัยรัฐบาลคุณน้อง 5 ปียุคทักษิณ (2544–2548) ทำโครงการประชานิยมจำนำข้าว ใช้เงินรับจำนำข้าวทั้งนาปี–นาปรัง รวมแล้ว 199,977 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละประมาณ 4 หมื่นล้านบาท (นี่เป็นตัวเลขเฉพาะรับจำนำข้าวเท่านั้น...ไม่รวมค่าใช้จ่ายจากการเช่าโกดังเก็บข้าว, แปรสภาพข้าว, ค่าดอกเบี้ย, ค่าตรวจคุณภาพข้าว, ค่ารมยารักษาคุณภาพข้าว, ค่าขนส่ง ฯลฯ ซึ่งตกประมาณ 25-30% ของวงเงินรับจำนำ)
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "วัฒนา" เคลื่อนไหวอีก ปักใจเชื่อมีผู้ประสงค์ทำลาย "พรรคเพื่อไทย" เปิดกรุสมบัติอดีตรัฐมนตรียุค "ชินวัตร" เฉียด "30 ล้านบาท"
แต่ยุคของยิ่งลักษณ์ แค่เพียง 1 ปี เท่านั้น ใช้เงินรับจำนำข้าวทั้งนาปี-นาปรัง 257,902.36 ล้านบาท...ใช้เงินเปลืองต่างกันมหาศาล และ 5 ปียุคทักษิณ ได้ข้าวนาปี-นาปรัง มาเก็บไว้ในโกดัง ระบายขายไม่ออก ขายขาดทุน รอวันเน่าเปื่อย เสื่อมราคา เฉลี่ยปีละ 5,917,307 ตัน 1 ปีของยิ่งลักษณ์...ได้ข้าวนาปี-นาปรัง 16.5 ล้านตัน มาเก็บไว้ในโกดัง...ปริมาณมหาศาลขนาดนี้ ระบายขายไม่ทัน ข้าวเสื่อมราคา ประเทศชาติจะขาดทุนมหาศาลขนาดไหน เพราะยุคทักษิณมีข้าวมาเก็บไว้ในโกดังแต่ละปี น้อยกว่านี้ ยังระบายขายไม่ออก ขายไม่ทัน เก็บไว้ในโกดังนาน 2–3 ปี กลายเป็นข้าวเป็ด ขายให้คนกินไม่ได้...แล้วยุคนี้เก็บไว้มาก ต่างกันถึง 27 เท่า ข้าวเก่ายังขายไม่หมด ข้าวใหม่จำนวนเท่าเดิมและอาจจะมากกว่ากำลังจะไหลเข้าโกดังอีกแล้ว ประเทศชาติจะได้หนี้มากขนาดไหน
ไม่เพียงแต่ ชาวไทยอาจต้องร่วมใช้หนี้ยันชั่วลูกชั่วหลาน ...ด้วยผู้มีอำนาจบริหารบ้านเมืองได้ดิบได้ดีมาจากธุรกิจเล่นหุ้น ทึกทักไปเองว่าเก็บข้าวเหมือนเก็บใบหุ้น ที่เก็บเป็น 10-20 ปี ไม่มีเน่าไม่มีเสีย มอดไม่กิน แต่ข้าวนั้นเก็บไว้แค่ 6 เดือน ราคาหายไป 10-20% เก็บไว้ 1 ปี ราคาหายไปอีก 20-30% และถ้าไว้ 2-3 ปี เก็บไม่ดีจะกลายเป็นข้าวเป็ด แทบไม่เหลือราคา
ไม่น่าเชื่อว่า โครงการรับจำนำข้าวแท้จริงมีมานานแล้ว และเริ่มต้นมาด้วยดีในอดีต...แต่พอตกมาถึงยุครัฐบาลพี่-น้อง ตระกูลชิน ผลลัพธ์เปลี่ยน เพี้ยนได้ถึงขนาดนี้ ... ยิ่งเมื่อปี 2551 สมัย นายสมัคร สุนทรเวช ด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่ ให้ราคาจำนำสูงกว่าตลาดถึง 160-170% ... แต่ก็ยังไม่หนักเท่ายุคนี้ เพราะยังมีเงื่อนไข ให้โควตาเกษตรกรแต่ละรายจำนำได้ไม่เกิน 30 เกวียน เพื่อเงินจะได้กระจายไปสู่เกษตรกรรายได้ต่ำมากยิ่งขึ้น
และแล้ว มายุคสมัย"ยิ่งลักษณ์" ไม่เพียงให้ราคานำตลาดสูงโด่งจนกู่ไม่กลับ ยังเปิดกว้าง รับจำนำข้าวทุกเม็ด ไม่มีอั้นโควตา จะรวยจะจนไม่สนขอให้มีข้าวมา จำนำได้หมด...จะเป็นข้าวไทย ข้าวนอกลักลอบนำเข้า สามารถใช้สิทธิเอาข้าวถูกมาขายเป็นข้าวแพงได้ กระทั่งข้าวมีมากจนล้น ประเทศชาติต้องเป็นหนี้เพราะบริหารโครงการขาดทุน ... ทั้งนี้หากขาดทุนแล้วเงินตกไปอยู่ในมือชาวนาที่ยากจนจริง ประชาชนยังพอทำใจได้ แต่หากตกไปอยู่ในพรรคพวกญาติพี่น้อง? ประชาชนคนไทยไม่มีใครรับได้แน่นอน ...
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "เสริมสุข" สับ "โอ๊ค" เละ หลังโพสต์ประจานตัวเอง ปมพื้นที่หลวงหาเสียง ยัน "อบจ.พะเยา" ก๊กเดียวกับพรรคเพื่อไทยทั้งนั้น!
- "บิ๊กป้อม" ย้ำ เลือกตั้งภายใน 150 วันแน่! สวนกลับ "พรรคเพื่อไทย" ไปถามกันเองคนไหนกระเป๋าตุง-แฟบ