- 29 ม.ค. 2562
รวบ 2 ผัวเมียทำลายกำไล EM หนีศาลคดี "โกงแชร์ออนไลน์" ค่าความเสียหายกว่า 120 ล้าน
เที่ยงคืนวันที่ 29 ม.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น.ได้รับรายงานจาก พล.ต.ต.กัมปนาท โสภโณดร ผบก.น.9 กรณี พ.ต.อ.อนุรักษ์ ยศประสิทธิ์ ผกก.สน.หลักสอง นำกำลังฝ่ายสืบสวนจับกุมผู้ต้องหา 2 สามีภรรยา คดีร่วมกันฉ้อโกงหลอกลวงให้ประชาชนโอนเงินเล่นแชร์ออนไลน์ สร้างความเสียหายนับร้อยราย มูลค่าความเสียหายกว่า 120 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มผู้เสียหายรวมตัวกันเดินทางเข้าร้องทุกข์กับ บก.ปอศ.และตั้งกลุ่มล่าตัวผู้ต้องหาตามโลกโซเชียลอย่างไม่ลดละ โดยหลังจากถูกจับกุมแล้วสามีภรรยาคู่นี้ยังร่วมกันทำลายกำไล EM หรือกำไลข้อเท้าอิเล็กทรอนิกส์ ที่ศาลสั่งให้สวมไว้เพื่อหลบหนีในขั้นตอนการรอเรียกฟังคำพิพากษา
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.61 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอศ.ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายทศพล หรือต้อม บุญมานุช อายุ 28 ปี และ น.ส.ปิยพร หรือฟิล์ม แส่สันเทียะ อายุ 28 ปี สองสามีภรรยา ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยจับกุมตัวได้ในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลัง ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย หลอกลวงผู้เสียหายในขณะนั้นซึ่งมีประมาณ 50 คน ให้โอนเงินเข้าร่วมเล่นแชร์ออนไลน์ลงทุนทำธุรกิจร้านขายโทรศัพท์มือถือ
ทำให้เหยื่อหลงเชื่อโอนเงินให้แล้วเชิดหนี สร้างความเสียหายประมาณ 120 ล้านบาท โดยการจับกุมครั้งนั้นผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย อ้างว่า เปิดวงแชร์ให้ลูกค้าเล่นจริงมือละ 50,000 บาท ช่วงแรกมีการโอนดอกเบี้ยให้ตามตกลง แต่ระยะหลังถูกหุ้นส่วนโกงเงินไปทำให้แชร์ล่มไม่มีเงินชำระคืนผู้เสียหายกระทั่งนำมาสู่การจับกุม
(ผู้เสียหาย)
ซึ่งในเวลาไม่กี่เดือนถัดมาชุดสืบสวน สน.หลักสอง นำโดย พ.ต.ท.ชัยพันธุ์ เพ็ชรสดศิลป์ รอง ผกก.สส.สน.หลักสอง และ พ.ต.ท.เทพพนม จันทร์หอม สว.สส.สน.หลักสอง สืบทราบว่าทั้ง นายทศพล และ น.ส.ปิยพร ได้ทำลายกำไล EM หรือกำไลข้อเท้าอิเล็กทรอนิกส์ ที่ศาลสั่งให้สวมไว้เพื่อหลบหนีในขั้นตอนการรอเรียกฟังคำพิพากษา โดยเฉพาะในพื้นที่ สน.หลักสอง นั้นมีผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจากการก่อเหตุ ทั้งสิ้น 38 ราย มูลค่าความเสียหายนับล้านบาท จึงสืบสวนแกะรอยหาตัวสามีภรรยาแสบคู่นี้กระทั่งติดตามไปจับกุมตัวไว้ได้
ตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี เลขที่ จ.816/2560 และ เลขที่ จ.817/2560 ลงวันที่ 20 ธ.ค.60 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน โดยสามารถจับกุมตัวได้ขณะหลบหนีไปกบดานในซอย 30 กันยา ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา
จากการสอบสวน นายทศพล ยอมรับว่า เมื่อช่วงต้นเดือน ธ.ค.61 ได้ร่วมกันกับ น.ส.ปิยพร ตัดสินใจทำลายกำไล EM ที่ศาลสั่งให้สวมเอาไว้เพื่อหลบหนี เนื่องจากใกล้ถึงวันนัดฟังคำพิพากษาจากศาลแล้ว เชื่อว่าคงต้องโทษติดคุกแน่ ประกอบกับไม่สามารถหาเงินมาชดใช้ผู้เสียหายที่มีนับร้อยรายได้ทัน โดยวิธีทำลายกำไล EM นั้น ตนและภรรยาเพียงใช้กรรไกรตัวใหญ่สภาพคมๆ ช่วยกันตัด ใช้เวลานานพอสมควรและทำให้มีบาดแผลเกิดขึ้นที่ข้อเท้าเล็กน้อย เมื่อทำลายกำไลเป็นที่เรียบร้อย ตนก็พากันขับรถยนต์ไปกบดานอาศัยหลับนอนตามปั๊มน้ำมันต่างๆ เร่ร่อนไปถึง จ.นครราชสีมา หาห้องเช่ากระทั่งถูกฝ่ายสืบสวน สน.หลักสอง ตามไปจับกุมตัวได้ในที่สุด
ด้าน พ.ต.ท.ชัยพันธุ์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ทางฝ่ายสืบสวน สน.หลักสอง สืบทราบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ไปกบดานในพื้นที่ จ.นครราชสีมา จึงได้นำหมายจับคดีเดิมที่เคยก่อเอาไว้ตามไปเข้าจับกุม โดยหลังจากนี้เมื่อพนักงานสอบสวน สน.หลักสอง แจ้งข้อหาตามหมายจับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จะส่งตัวทั้งคู่เข้าสู่ศาล จากนั้นเชื่อว่า ผู้ต้องหาทั้งคู่จะถูกแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในกรณีที่ช่วยกันทำลายกำไล EM และหลบหนีจากการควบคุมตามคำสั่งศาลในชั้นการปล่อยตัวชั่วคราว ที่สำคัญการถูกจับกุมรอบนี้เชื่อว่าทั้ง นายทศพล และ น.ส.ปิยพร น่าจะไม่ได้รับอิสรภาพออกมาสู้คดีเหมือนอย่างที่เคยได้รับโอกาสมาแล้ว.