- 09 ก.พ. 2562
พระบรมราชโองการฉบับเดียวดับทุกข์ทวยราษฏร์ ดร.เอนก เผยความหมายปฏิทินจีน8กพ.เจ้าลงมาจากสวรรค์
จากกรณีสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) ได้เผยแพร่พระบรมราชโองการ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ความดังนี้ ประกาศ สถาบันพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ประกาศสถาบันพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย"ทูลกระหม่อมฯ"ไม่สามารถดำรงตำแหน่งใดๆในทางการเมืองได้
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า
สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยเป็นศูนย์รวมและเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนชาวไทย
พระมหากษัตริย์และพระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์ทรงดำรงสถานะอยู่เหนือการเมือง และทรงประกอบพระราชกรณียกิจเพื่อประเทศชาติและประชาชนมาโดยตลอด ดังเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งว่าตลอดระยะเวลา ๗๐ ปี แห่งการครองสิริราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อความผาสุกและความอยู่ดีกินดีของประชาชนทรงปกครองประเทศด้วยทศพิธราชธรรม และนำพาประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภัยก่อการร้าย ภัยพิบัติ และภัยที่เกิดจากวิกฤตการณ์ทางการเมืองในประเทศ ทรงบำบัดทุกข์บำรุงสุขและดูแลปกป้องประชาชนด้วยน้ำพระราชหฤทัยที่เปี่ยมด้วยพระมหากรุณาอย่างมิอาจประมาณได้ ประชาชนทุกหมู่เหล่าเคารพรัก และเทิดทูนพระองค์เสมือนด้วยบิดา จึงทรงเป็น“พ่อแห่งแผ่นดิน” โดยแท้จริง
ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทั้งยังเป็นพระเชษฐภคินีในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์ แม้จะทรงกราบถวายบังคมลาออกจากฐานันดรศักดิ์ไปแล้วตามกฎมณเฑียรบาล โดยได้กราบบังคมทูล พระกรุณาเป็นลายลักษณ์อักษร หากยังทรงสถานะและดำรงพระองค์ในฐานะสมาชิกแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ทรงเป็นที่รักใคร่ของสมเด็จพระบรมชนกนาถ และสมเด็จพระบรมราชชนนี ตลอดจนเป็นที่เคารพยกย่องของพระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์และประชาชนชาวไทยมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ด้วยทรงประกอบพระกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน โดยในการดำรงพระองค์และการประกอบพระกรณียกิจต่างๆนั้น ทรงปฏิบัติด้วยการถวายงานของข้าราชการในพระองค์ และหน่วยราชการต่างๆของหน่วยราชการในพระองค์ตลอดมา การนำสมาชิกชั้นสูงในพระบรมราชวงศ์มาเกี่ยวข้องกับระบบการเมือง ไม่ว่าหน้า ๑ เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๓๗ ง ราชกิจจานุเบกษา ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ จะโดยทางใดก็ตาม จึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อโบราณราชประเพณี ขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรมของชาติ ถือเป็นการกระทำที่มิบังควรไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
อนึ่ง บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญทุกฉบับรวมทั้งฉบับปัจจุบัน มีหมวดว่าด้วยพระมหากษัตริย์ เป็นการเฉพาะ ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่รองรับสถานะพิเศษของสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่เหนือการเมืองและทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิด กล่าวหา หรือฟ้องร้อง พระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้ ซึ่งบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญดังกล่าวย่อมครอบคลุมถึงพระราชินี
พระรัชทายาทและพระบรมราชวงศ์ซึ่งมีความใกล้ชิดกับพระมหากษัตริย์ ดังที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจร่วมกับพระองค์หรือแทนพระองค์อยู่เป็นนิจ ดังนั้นพระราชินีพระรัชทายาท และพระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์ จึงอยู่ในหลักการเกี่ยวกับการดำรงอยู่เหนือการเมืองและความเป็นกลางทางการเมืองของพระมหากษัตริย์ด้วย และไม่สามารถดำรงตำแหน่งใดๆ ในทางการเมืองได้เพราะจะเป็นการขัดกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ประกาศ ณ วันที่ ๘ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๒
ขณะที่ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) ได้โพสต์ข้อความเรื่อง "พระราชโองการฉบับเดียวดับทุกข์ทวยราษฎร์ได้ดังพลัน" ผ่านเฟซบุ๊ก เอนก เหล่าธรรมทัศน์ Anek Laothamatas ด้วย ซึ่งระบุว่า
เมื่อวานนี้ปฏิทินจีนระบุว่า 8 กพ “เจ้าลงมาจากสวรรค์” เพิ่งเข้าใจว่าหมายถึงอะไร ในยามที่ทวยราษฎร์เกือบทั้งประเทศวิตกว่าบ้านเมือง กำลังเดินไปสู่ความสับสนปั่นป่วน วิตกกังวลว่า “เสาหลัก” ของบ้านเมืองกำลังโยกคลอน ก็กลางดึกนั้นเอง ความมืดมิดในหัวใจก็หมดสิ้น เมื่อได้อ่านหรือฟังประกาศพระราชโองการ “สถาบันพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร” ซึ่งออกมาทันเวลา ประดุจ “เจ้าลงมาจากสวรรค์” ตามที่ปฏิทินบอก ลงมาดับทุกข์เข็ญของอาณาประชาราษฎร์โดยแท้
พระเกียรติยศ ร 10 เบ่งบานทั้งแผ่นดิน คนไทยรักเคารพ-ศรัทธาพระองค์ท่านมากขึ้นอีก ทวีทบเท่า หลายคนก้มลงกราบพระบรมฉายาลักษณ์ทั้งน้ำตา พวกเรามองไปข้างหน้าสู่งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งจะยิ่งสง่างาม จะสูงส่งและศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น แม้พระราชพิธีนี้มีเพื่อสำแดงว่าพระมหากษัตริย์เป็นเทวราช แต่เหตุการณ์ที่เริ่มต้นแต่เช้าและจบลงก่อนสิ้นวันที่ 8 กพ นั้น พิสูจน์ว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นธรรมราชด้วย พระราชโองการที่จะจารึกไว้ประวัติศาสตร์นี้วินิจฉัยสิ่งที่เกิดขึ้นตามหลักการรัฐธรรมนูญ และหลักโบราณราชประเพณีที่ใช้มานับแต่ปี 2475 เป็นต้น รวมทั้งตราไว้ว่าด้วยว่าเป็นวัฒนธรรมของชาติที่สถาบันพระมหากษัตริย์จะต้องไม่ถูกนำเข้าไปเป็นฝักฝ่ายในทางการเมือง ขอน้อมรับพระราชปรีชาญาณและพระบรมราชวินิจฉัยนี้ใส่เกล้าใส่กระหม่อม
สุดท้าย ผมอ่านความตอนต้นของพระราชโองการที่จะเป็นเอกสารสำคัญของชาติต่อไป นี้ยังระบุว่าเจ้าแผ่นดิน หรือเจ้าอยู่หัวของเรา นั้น จะทรงครองราชย์แบบ “พ่อปกครองลูก” ด้วย เทวราชและธรรมราชฉบับไทยเรานั้น ทรงเป็น “พ่อของแผ่นดิน” ด้วย ดับทุกข์ ดูแลให้เกิดสุข แก่ราษฎร และ เพิ่มเติมอีก จากเหตุการณ์ 8 กพ 2562 คือทรงนำพา ชี้ทางแก่ราษฎรที่เปรียบเสมือน”ลูก”ในยามที่พวกเขาสับสนปั่นป่วน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดราชกิจจานุเบกษา"ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ" ลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์
- ไทยรักษาชาติ ยื่นเสนอพระนาม ทูลกระหม่อมฯบัญชีนายกฯของพรรค
- ทูลกระหม่อมฯ ทรงโพสต์ล่าสุดหลังมีพระบรมราชโองการ ขออวยพรให้ทุกคนโชคดี
- ไพบูลย์ นิติตะวัน จะแถลงขอให้ กกต.สั่ง ทษช.ระงับการเสนอพระนาม ทูลกระหม่อมฯ!
- เลขาฯกกต.พูดแล้ว หลัง"ไพบูลย์" ขอระงับพระนาม"ทูลกระหม่อมฯ"ลงชิงนั่งนายกฯ!
- "อุ๊งอิ๊ง ชินวัตร" ไม่พลาดเมนต์ไอจี "ทูลกระหม่อมฯ"
ขอบคุณเฟซบุ๊ก : เอนก เหล่าธรรมทัศน์ Anek Laothamatas