- 19 ก.พ. 2562
"สนธิญาณ"ลอกคราบ "หญิงหน่อย"หั่นงบกองทัพสองหมื่นล้าน แค่จิ๊บๆ ทวงเงินโกงข้าว"ยิ่งลักษณ์" นายกฯ"เพื่อไทย" ก่อนดีกว่า
สืบเนื่องจากการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย และในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ในบัญชีของพรรค เสนอต่อประชาชนที่มาฟังปราศรัยว่าจะตัด “งบทหาร” 10% และยกเลิกการเกณฑ์ทหารเสีย
ทำให้ “เพลงหนักแผ่นดิน” ดังก้องอีกครั้ง เมื่อ “บิ๊กแดง ”พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก เลือกที่จะส่งมอบเพลงนี้ไปยังพรรคเพื่อไทย
ในรายการ เที่ยงตรงสนธิญาณ ออกอากาศผ่านทางยูทูป โดย สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม สื่อมวลชนอาวุโส ได้แสดงความคิดเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวระบุว่า
ช่วงนี้การเมืองร้อนฉ่าเพราะมีการพูดกันว่า อาจจะเกิดการปฏิวัติรัฐประหาร นั่นก็มาจากกรณีของการที่พลเอกอภิรักษ์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้เลยนักการเมืองให้ฟังเพลงแผ่นดินและได้มีการสั่งการให้ วิทยุในเครือข่ายของกองทัพบก 126 สถานีรวมทั้งหน่วยทหารต่างๆเปิดเพลงหนักแผ่นดิน
เรื่องนี้มีที่มา จากนักการเมืองคนสำคัญคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ได้นำเสนอแนวนโยบายในการจะตัดงบประมาณของกระทรวงกลาโหมซึ่งมีอยู่ ประมาณสองแสนล้าน ออก10% เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาประเทศด้านอื่น ข้อเสนอของคุณหญิงสุดารัตน์ชัดเจนว่าไม่ใช่ข้อเสนอส่วนตัวเพราะพรรคเพื่อไทยคิดแบบนี้ทั้งพรรค
ก่อนหน้านี้นายวัฒนา เมืองสุข ก็เคยนำเสนอเรื่องนี้ จนกลายเป็นประเด็นร้อน มีการประทะคารมกันระหว่างผู้นำกองทัพกับนายวัฒนา ประสมด้วยนักวิชาการบางส่วน ที่ออกมานำเสนอแนวคิดในการที่จะตัดงบประมาณของกระทรวงกลาโหม และในการเลือกตั้งครั้งนี้ก็ไม่ได้มีเพียงแต่พรรคเพื่อไทยที่มีแนวคิดเช่นนี้ ..” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ก็นำเสนอนโยบายนี้เป็นนโยบายหลัก-นโยบายสำคัญ ทำให้ดูเสมือนหนึ่งว่ากองทัพนั้นใช้งบประมาณมากเกินจริงหรือใช้งบประมาณที่ไม่จำเป็นก็ต้องไปติดตามจริง
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ผู้บัญชาการทหารบกมีท่าทีเช่นนี้วันนาเครือข่ายคนเสนอ ซึ่งอารมณ์ตกค้างมาจากอดีตในการต่อสู้ ก็ได้ออกมาโหมประโคมข่าวว่าสิ่งที่ผู้บัญชาการทหารบกที่บอกให้ไปฟังเพลงหนักแผ่นดินนั้นเป็นสัญญาณอันตราย เป็นสัญญาณว่าจะมีการยึดอำนาจอีกครั้งหนึ่ง เพราะเหตุการณ์นี้คล้ายกับเหตุการณ์บรรยากาศก่อน 6 ตุลาคม 2519 นี่คือการออกมา ขยายสถานการณ์นายเหวง โตจิราการ. แกนนำคนสำคัญของคนเสื้อแดง
ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ก็ได้บอกว่า นี่เป็นสัญญาณที่คล้ายๆกับเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 หรือ 6 ตุลาคม 2519 หรือเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535. เพราะไม่มีใครการันตีว่าจะไม่มีการรัฐประหารอีกและเชื่อมั่นว่ามีคนคิดที่จะล้มเลือกตั้ง
ก็ต้องพิจารณากันต่อทางด้านของพลเอกอภิรักษ์ เพราะนายทหารคนนี้ตั้งแต่เป็นนายทหารชั้นผู้น้อยเป็นคนที่มีความตรงไปตรงมา โผงผาง คิดอย่างไรแสดงออกอย่างนั้น แต่ก็ถือว่าเป็นคนที่มีความฉลาดล้ำลึก เติบโตขึ้นมา ในกองทัพพร้อมๆกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ขณะนั้น หรือหัวหน้าคณะคสช. มอบหมายให้ทำงานสำคัญๆ. นอกเหนือจากงานในกองทัพมาโดยตลอด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พลเอกอภิรักษ์จะแสดงออกสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่เคยสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ เพราะตัวเองประกาศชัดว่าไม่เข้ายุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่การออกมาตอบโต้นักการเมืองในแง่ของการที่นักการเมืองคิดจะตัดงบประมาณของกองทัพถ้าไม่ออกมาแสดงออกอย่างไรเลยนั่นก็ถือว่ากองทัพยอมรับคำโจมตีของนักการเมืองว่าการจัดงบประมาณในการจัดงบประมาณ ซื้ออาวุธนั้นเป็นการซื้อที่ไม่เหมาะสมและเกินความจำเป็นเพราะหลังจากที่ พลเอกอภิรักษ์ไล่ให้คุณหญิงสุดารัตน์ไปฟังเพลงคุณหญิงสุดารัตน์ก็ได้ออกมาตอบโต้อย่างชัดเจนว่า งบประมาณที่ คิดจะตัดนั้นเป็นงบประมาณที่เกินความจำเป็น เป็นงบประมาณที่กองทัพสามารถที่จะตัดลดลงได้
แปลเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกเสียจากว่ากองทัพใช้งบไม่รัดกุม ถ้ากองทัพไม่ตอบโต้ถือเป็นเรื่องแปลก ฉะนั้นต้องมาดูข้อเท็จจริง ของกระทรวงกลาโหมเป็นงบที่มีมูลค่าสูงสุดหรือมีมูลค่ามากมายมหาศาลเกินกว่ากระทรวงอื่นๆหรือไม่
ในการนำเสนองบประมาณปี 2562 งบของกระทรวงศึกษาธิการได้ไปสูงสุด สูงถึง 489,789ล้านบาท งบของกระทรวงมหาดไทยสูงติดตามมา 373,519 ล้านบาท. ส่วน กระทรวงการคลังมาเป็นอันดับสาม 242,845 ล้านบาท กระทรวงกลาโหมตามมาเป็นอันดับ4 227,671 ล้านบาท ซึ่งจะเห็นได้ว่าข้อเท็จจริงในเรื่องงบประมาณนั้นเป็นอย่างไร
งบของกระทรวงศึกษาสูงกว่างบของกระทรวงกลาโหม ถึงสองเท่าตัว ส่วนความจำเป็นในการดูแลและป้องกันกองทัพที่นักการเมืองบอกว่าขณะนี้ไม่มีสถานะการณ์อะไรน่าเป็นห่วงนั้นการจัดงบประมาณกองทัพสิ่งที่ต้องทำก็คือการดุลกำลังกลับประเทศเพื่อนบ้านทั้งหลาย ไม่ใช่คิดไปรบแต่เป็นการดุลกำลัง ซึ่งเราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า. เพราะทรัพยากรในทะเลดินแดนเขตแดนต่างๆเราก็มีข้อพิพาทกันอยู่อย่างสม่ำเสมอ แน่นอนไม่มีใครต้องการสงครามไม่มีใครต้องการให้เกิดการปะทะหรือขัดแย้งกันระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งหลายแต่การดุลกำลังกันไว้ เป็นเรื่องสำคัญ รวมทั้งสถานการณ์ของโลกในยามนี้ที่ไม่ปกติมีโอกาสที่จะเกิดสงครามความขัดแย้งระหว่างจีนสหรัฐอเมริกาก็มีอยู่อย่างสูงยิ่ง รวมทั้งสถานการณ์ของโลกในยามนี้ที่ไม่ปกติมีโอกาสที่จะเกิดสงครามความขัดแย้งระหว่างจีนสหรัฐอเมริกาก็มีอยู่อย่างสูงยิ่ง มีโอกาสที่จะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ตลอดเวลา
แต่ที่สำคัญดูงบของกระทรวงกลาโหมอย่างเดียวไม่ได้ต้องบอกให้พรรคเพื่อไทยกลับไปย้อนดูตัวเองบ้างว่างบประมาณที่อยากจะเอามา พัฒนาประเทศนั้นความจริงต้องไปฟ้องไล่เรียงเอาจากพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะคนสำคัญคือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หนีไป เพื่อไทยของยิ่งลักษณ์กับพรรคเพื่อไทยของคุณหญิงสุดารัตน์เป็นพรรคเดียวกัน เพราะต้องกลับไปดูว่าโครงการรับจำนำข้าวนั้นเสียหายหลายแสนล้าน และตัวเลขที่ยกมากล่าวอ้าง ไม่ใช่ตัวเลขที่ยกขึ้นมาลอยๆ เป็นตัวเลขที่อัยการนำส่งขึ้นฟ้องศาลเอาเฉพาะปี 2556 / 57 เพียงฤดูกาลเดียวอัยการได้ฟ้องว่าเกิดความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวสูงถึง 178,586 ล้านบาท ดูการเดียวเกือบถึงสองแสนล้าน
และที่สำคัญได้ฟ้องเรียกร้องให้นางสาวยิ่งลักษณ์อดีตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยย้ำว่าพรรคเดียวคุณหญิงสุดารัตน์ต้องชดใช้เงินเป็นวงเงินถึง 35,717ล้าน บาทเป็นงบประมาณเป็นเงินของแผ่นดินที่คุณหญิงสุดารัตน์ควรจะไปตามทวงจากนางสาวยิ่งลักษณ์น้องสาวของนายทักษิณ ชินวัตร คนที่ให้โอกาสคุณหญิงสุดารัตน์มาเป็นนายกรัฐมนตรีซึ่งไม่ใช่โอกาสจริงๆเพราะความจริงหรอกคุณหญิงสุดารัตน์โดยไม่มีความจริงใจเสียด้วยซ้ำ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "สนธิญาณ"ฟันธง!! "ทักษิณ"หลอก "หญิงหน่อย"เพื่อไทยหลอกประชาชน...คนไทยเชื่อไหม ?
- "สนธิญาณ"จัดหนัก “ไทยรักษาชาติ” ยังไม่สำนึก !!- สื่อต่างชาติระบุชัด “ทักษิณ”อยู่เบื้องหลัง?
- "สนธิญาณ"ฟันธงยุบ"ไทยรักษาชาติ"เมื่อไหร่ ตายยกแก๊ง หนียกครัว!! "บิ๊กตู่" เป็นนายกฯอีก5 ปี
- ทักษิณ ยังกล้าประกาศสู้ต่อ!! "สนธิญาณ"ชำแหละ.. ถึงวันนี้จบแล้วอย่าหวังกลับไทย! ? (คลิป)
- "บิ๊กตู่"ฟังหน่อย ! "สนธิญาณ" ล่อนจ้อน "พลังประชารัฐ"หากยุ่ง "สามมิตร" พุ่งหรือพัง..ระวังด้วย!!