- 26 ก.พ. 2562
ชาวบ้านถูกจับ 17 คน หลังเข้าตัดสมุนไพรโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ระบุมีนายทุนมาให้ไปตัดจะซื้อในราคา ก.ก.ละ 6 บาท ครอบครัวญาติพี่น้องแห่นั่งรอนอนรอหน้าบันได สภ.ดม 2 คืนแล้ว ไม่มีหลักทรัพย์และเงินประกันตัวคนละ 7 หมื่น ในจำนวนนี้ 6 คนพยายามหาเงินมาประกันตัวไปแล้ว เหลือ 11 คน ชาวบ้านวอนศาลเห็นใจ เพราะครอบครัวยากจน
จากกรณีเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 24 ก.พ.2562 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน – ห้วยสำราญได้สนธิกำลังออกลาดตระเวน เพื่อป้องกันการบุกรุกป่า โดยการอำนวยการของนายวุฒิกุล งามปัญญา หน.รักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน – ห้วยสำราญ พร้อมด้วย ฝ่ายสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า เจ้าหน้าที่หน่วยปฎิบัติการพิเศษตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.สังขะ เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 217 (ตชด. 217) ออกลาดตระเวนตามแนวพื้นที่ป่าไม้ชายแดนไทย – กัมพูชา บริเวณป่าทิศใต้บ้านคะนา ต.ตาตุม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ซึ่งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ ขณะเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนมาถึงบริเวณดังกล่าว ตรวจพบกลุ่มชาวบ้านจำนวน 17 คน เป็นชาย 13 คน หญิง 4 คน ต่างทยอยแบกถุงกระสอบปุ๋ยเดินออกจากป่า ลักษณะเดินมาทีละคน เจ้าหน้าที่จึงได้ส่งสัญญาณให้หยุด และเข้าตรวจสอบพบข้างในถุงกระสอบปุ๋ยเป็นไม้พฤกษชาติจำพวกต้นม้ากระทืบโรงและต้นกำแพง 7 ชั้น จากการสอบสวนทราบว่าเป็นชาวบ้านกะเลงเวก ต.เทพรักษา อ.สังขะ จำนวน 14 ราย และเป็นชาว ต.ตาตุม อ.สังขะ อีก 3 ราย เจ้าหน้าที่สอบถาม ทราบว่า ทั้งหมด ได้ชักชวนกัน เดินทางเข้าป่าเพื่อหาตัดต้นไม้ จำพวกต้นมากะทืบโรงและต้นกำแพง 7 ชั้นนี้เพื่อไปทำเป็นยาสมุนไพรไว้รับประทาน และแบ่งให้ญาติพี่น้องได้ต้มหรือดองเหล้าไว้ดื่มกินเท่านั้น ไม่คิดว่าจะเป็นการผิดกฎหมาย จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ ทำการจับกุม จับกุมดังกล่าว
สำหรับการเข้าตรวจยึดจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการลักลอบเข้ามาตัดไม้ในเขตป่าหวงห้าม มีอย่างต่อเนื่อง และเจ้าหน้าที่ได้เพิ่มมาตรการป้องกันและปรามปรามการลักลอบทำลายทรัพยากรป่าไม้ กำลังเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนจึงลงพื้นที่สำรวจตรวจสอบอย่างเข้มข้น หากพบการกระทำผิดจะควบคุมตัวดำเนินการตามกฎหมายทันที เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหาคดีลักลอบร่วมกันทำลายไม้พฤกษชาติในเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน – ห้วยสำราญ จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 17 ราย ส่งร้อยเวรสอบสวน สภ.ดม อ.สังขะ พร้อมด้วยของกลางเป็นไม้พฤกษชาติ ต้นม้ากระทืบโรงและกำแพง 7 ชั้น จำนวน 1,505 กิโลกรัม และรถจักรยายนต์อีก 17 คัน โดยผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาและของกลางทั้งหมด ส่งดำเนินคดี ตามกฎหมาย และหากประกันตัวออกจากสถานีตำรวจภูธร สภ.ดม ชาวบ้านต้องใช้หลักทรัพย์ คนละ 1 แสน ในการประกันตัว แต่ว่าชาวบ้านยังหาเงินมาประกันตัวไม่ได้ จึงต้องนอนห้องขัง ตามกฎหมายต่อไป ตามที่เสนอข่าวไปแล้วเมื่อวานนี้นั้น
ล่าสุด-วันนี้( 26 ก.พ. 62) เวลา 14.00 น.ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ ลงพื้นที่ไปยัง สภ.ดม ต.เทพรักษา อ.สังขะ จ.สุรินทร์ เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าว พบบรรดาครอบครัว ญาติพี่น้องของชาวบ้านทั้ง 17 รายที่ถูกดำเนินคดี มารอให้กำลังใจอยู่ที่บริเวณบันได้ทางขึ้น สภ.ดมกว่า 50 คน ซึ่งทั้งหมดพากันมานอนรอสมาชิกในครอบครัวตนเอง ที่ถูกจับมา 2 คืนแล้ว เนื่องจากไม่มีหลักทรัพย์และเงินประกันตัว ซึ่งต้องใช้เงินหรือหลักทรัพย์ประกันตัวคนละ 7 หมื่นบาท และในจำนวนชาวบ้าน 6 คนที่ถูกจับกุม ครอบครัวและญาติพี่น้องได้พยายามหาหลักทรัพย์ หรือเงินสด และบางคนต้องไปขอร้องให้ญาติที่มีตำแหน่งทางราชการที่สามารถค้ำประกันได้ มาประกันตัวออกไปแล้ว เหลือชาวบ้านที่ถูกจับกุมอีก 11 คนที่ยังหาหลักทรัพย์ไม่ได้
ขณะที่ พ.ต.ท.ทรงศักด์ แก้วแฉล้ม รอง ผกก.สส.รักษาราชการแทน ผกก.สภ.ดม เปิดเผยว่า จนท.ตำรวจได้ให้โอกาสครอบครัวและญาติพี่น้องของผู้ถูกจับกุมที่เหลือ 11 คน หาหลักทรัพย์ต่างๆมาประกันตัว จนถึงเวลา 16.00 น.ของวันนี้ หลังจากนั้นหากไม่มีหลักทรัพย์มาประกันตัว ก็จะนำส่งศาลเพื่อพิจารณาต่อไป ซึ่ง จนท.ตำรวจก็พยายามรอเวลาให้ชาวบ้านได้ประกันตัวให้มากที่สุด โดย จนท.ตำรวจ ก็ได้ดำเนินการไปตามกรอบกฎหมาย เนื่องจากเป็นคดีเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งทางด้านเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตวป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ เป็นผู้จับกุมและส่งต่อมาให้ จนท.ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย
นางเบ็ญ ชมจิตร อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38/1 บ.กะเลงเวก ม.2 ต.เทพรักษา อ.สังขะ จ.สุรินทร์ สามีของ 1 ในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม คือนายเสริม ชมจิตร อายุ 60 ปี กล่าวว่า ตนเองมานอนรอสามี มา 2 คืนแล้ว ไม่มีเงินหรือหลักทรัพย์ประกันตัว ตอนนี้ก็จนปัญญา คงต้องรอให้ส่งตัวไปศาลให้พิจารณา ชาวบ้านก็พึ่งเข้าไปตัดสมุนไพรกัน เมื่อสัปดาห์นี้มีคนมาติดต่อให้ชาวบ้านไปตัด แล้วเอามาสับตากให้แห้งจะรับซื้อกิโลกรัมละ 6 บาท แต่ไม่ทันได้ขาย ก็ถูกจับกุมก่อน ซึ่งชาวบ้านไม่มีใครรู้ว่า สมุนไพรดังกล่าวนั้นเมื่อตัดมาแล้วจะมีความผิด หากรู้ก็คงไม่ทำกัน ชาวบ้านในพื้นที่ก็อาศัยป่าในการหาเห็ดหาผักป่ามาประทังชีวิตอยู่แล้ว ไม่ได้มีเงินทองร่ำรวยอะไร ที่ดินก็ไม่มี หาเช้ากินค่ำ แล้วต้องมาถูกจับกุมด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็คงต้องยอมรับชะตากรรม ก็อยากให้ศาลท่านเห็นใจชาวบ้านด้วย เพราะเมื่อหัวหน้าครอบครัวถูกจับ ก็ไม่มีใครหาเลี้ยงครอบครัว ทั้งลูกเด็กเล็กแดง ลูกหลานที่จะต้องไปโรงเรียน จึงขอความเห็นใจจากศาลด้วย
นายชาย พรมอุก ผญบ.กะเลงเวก กล่าวว่า ชาวบ้านถูกจับ และครอบครัวญาติพี่น้องมานอนรอ 2 คืน 3 วันแล้ว แต่ละคนก็ไม่มีที่ดินสักแปลงมาประกันตัว หมู่บ้านอยู่ใกล้ป่าก็ต้องอาศัยป่าทำมาหากิน หาเช้ากินค่ำ หาของป่ามาประทังชีวิต มีคนมาติดต่อ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใคร จะมารับซื้อ ก.ก.ละ 6 บาท ชาวบ้านก็ดีใจจะได้มีรายได้ ต่างคนไม่รู้ว่าเป็นไม้ที่หวงห้าม ชาวบ้านไม่ได้ทำเป็นธุรกิจ หวังมีเงินไปซื้อข้าว กับข้าวกินในครอบครัว เพราะไม่อาชีพอื่น รายได้อื่น ซึ่งพึ่งพากันทำเป็นครั้งแรก จึงอยากให้ศาลท่านเห็นใจชาวบ้านด้วย ถ้าชาวบ้านรู้ว่าผิดกฏหมายก็คงไม่พากันทำ และยังไม่มีใครได้ขาย จึงมาถูกจับเสียก่อน ชาวบ้านยากจนจริงๆ ผญบ.กะเลงเวก กล่าว
ภาพ/ ทีมข่าวเฉพาะกิจสุรินทร์ และ เขมชาติ ชุณหกิจขจร
ข่าว/ รมิตา สิงหเสรี ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จังหวัดสุรินทร์
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-พญาเสือลุยยึดคืนผืนป่า 440ไร่ นายทุนอิทธิพลรุกป่าเขาบรรทัด ปลูกปาล์ม-ส้มโชกุน
-"บิ๊กโจ๊ก" สั่งชุดฉก.บุกทลายเครือข่าย "สจ.เล็ก เมืองนนท์" นายทุนเงินกู้ทวงหนี้โหด ยึดทรัพย์กว่า 200 ล้าน