เจ้าของรหัสนคร71เฝ้าศพรอตร.ยังมึน โดนย้ายทำงานศาลเจ้า "ฝันเด่น"ขยับอีกรอบนัดอดีตร่วมกตัญญูรำลึก

ยังคงเป็นอีกหนึ่งข่าวที่สังคมยังให้ความสนใจสืบเนื่องจาก กรณีนายนพดล สีทองคำ นคร 71 กู้ภัยนั่งเฝ้าศพรอเจ้าหน้าที่ตำรวจนานถึง 6 ชั่วโมง บริเวณสะพานพระราม 7 จังหวัด จ.นนทบุรี เนื่องจากเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างเขตพื้นที่นครบาล กับ จ.นนทบุรี ทำให้ต่างฝ่ายต่างเกี่ยงกันไปมา  
 

 

ต่อมามีรายงานว่ามูลนิธิร่วมกตัญญู มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวน นายนพดล สีทองคำ กระทั่ง มูลนิธิฯ ได้มีหนังสือออกคำสั่ง ให้อาสากู้ภัยรายนี้ยุติหน้าที่ภาคสนาม ให้มาปฏิบัติหน้าที่ส่วนกลางชั่วคราว เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าว เพื่อต้องการตรวจสอบว่า แท้จริงแล้วเหตุการณ์นี้เกิดจากการประสานงานที่ผิดพลาดระหว่างอาสากับเจ้าหน้าที่หรือไม่ 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

- จนท.กู้ภัยนั่งเฝ้าร่างหนึ่งชีวิตจมน้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ดึกยันเช้า เพราะตร.4โรงพักเกี่ยงทำคดี??

- มูลนิธิร่วมกตัญญู ร่อนหนังสือแจงชัด หลังดราม่าถล่ม "น้าป้อม" กู้ภัยนั่งเฝ้าศพถูกสั่งเด้ง

- บิ๊กแป๊ะ มาแล้ว ออกชี้แจงปม "น้าป้อม" กู้ภัยนั่งเฝ้าศพถูกสั่งเด้งฟ้าผ่า

- เปิดใจ "น้าป้อม" กู้ภัยนั่งเฝ้าศพยันเช้า หลังโดนเด้งฟ้าผ่า กับการทำงานล่าสุด

 

 

 

อย่างไรก็ตาม มีการส่งกำลังใจให้อาสาสมัครรายนี้จำนวนมาก เพราะส่วนใหญ่มองว่า อาสากู้ภัย ทำหน้าที่ได้อย่างน่าชื่นชม  พร้อมเสนอแนะว่า หากอาสากู้ภัยรายนี้ถูกตั้งกรรมการสอบสวน ควรจะต้องตรวจสอบการทำงานของตำรวจด้วยเช่นกัน ว่า ทำไมถึงสรุปท้องที่เกิดเหตุโดยใช้เวลานานหลายชั่วโมง

 

 

ล่าสุดเฟซบุ๊ก รถตระเวนข่าว V.2ได้โพสต์เล่าเรื่องราวอีกมุมของนายนพดล สีทองคำ ที่หลายคนยังไม่รู้ ระบุข้อความว่า " น้าเป็นอาสามาทำงานด้วยใจ หน้าที่ไหนที่เขาให้เราทำเราก็ทำได้ หากเป็นงานช่วยสังคม น้าป้อม เจ้าของรหัส นคร71 มูลนิธิร่วมกตัญญู บอกผมในระหว่างที่กำลังสาละวน จัดธูปเทียนลงตะกร้า เพื่อเตรียมให้แก่ผู้มีจิตศรัทธา ที่เตรียมมาทำบุญไหว้ศาลฯในมูลนิธิ เสริมศิริมงคลในชีวิต

 

น้าป้อมที่ผมรู้จัก เป็นอาสากู้ภัยชั้นครู ผ่านการช่วยชีวิตคนมากมาย แกไม่ใช่แค่คนจิตอาสา มาวิ่งรถติดไซเรนไปดูเหตุต่างๆ แต่แกยังเป็นผู้มีความสามารถด้านกู้ภัยที่ผ่านการอบรมมาอย่างถูกต้อง ตอนนี้รอผลตั้งกรรมการสอบสวน หลักๆก็เป็นเรื่องให้ข้อมูลนักข่าว แต่เรายืนยันนะว่าเราไม่ได้โจมตีใคร

 

 

ผมเชื่อน้าป้อมจากใจ เพราะหากใครอยู่วงการกู้ภัยจะรู้ดีว่า ชายร่างท้วม ผิวดำแดง คนนี้ เป็นจิตอาสาใจดี เวลาทำงานหมกมุ่นอยู่แต่การฟังเหตุ ได้ยินเสียงวิทยุจะรีบบึ่งไปช่วยคนแบบลืมตาย ทุกคำพูดของน้าไร้คำประดิดประดอย จนเด็กชอบแอบล้อว่า น้าป้อมคนซื่อ ด้วยซ้ำ ตอนนี้ผู้ใหญ่ให้น้าทำงานอื่นไปพลางๆ มาช่วยงานที่ศาลเจ้า อำนวยความสะดวกให้คนมาทำบุญ เก็บธูปเทียนไปตามเรื่อง เจอคนเยอะดีนะ ทั้งคนไทย คนจีน

 

 

น้าป้อม บอกผมด้วยรอยยิ้ม แม้แววตาของแกอาจเศร้าไปบ้าง จากคนทำงานสายบู๊ แต่ต้องมาทำงานบริการ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพสะท้อนออกมาคล้ายแกถูกภาคทัณฑ์ความผิด จนถูกลดบทบาท แม้แกจะไม่ได้เปิดเผยอะไรก็ตาม จริงๆน้าเคยนั่งอยู่กับศพทั้งคืนมาบ่อยนะ เพราะน้าเข้าใจว่า จนท. มีส่วนงานรับผิดชอบเยอะ น้าทำงานคู่กันไปมาตลอดน้าเข้าใจ ไม่คิดเหมือนกันว่าจะเป็นข่าว

 

 

ตลอดหลายวันที่น้าป้อม ต้องรอผลจากคณะกรรมการมูลนิธิร่วมกตัญญู น้าป้อมก็ยังคงทำหน้าที่ในบทบาทใหม่ไปเรื่อยๆ ภายใต้การตั้งคำถามว่า ปมการสั่งย้ายน้าป้อมเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่ แต่เชื่อว่ามูลนิธิคงมีสาเหตุเพียงพอ

 

 

สิ่งที่น้าป้อม เป็นห่วงแกยังบอกอีกว่า อาสารุ่นใหม่มีหลายคน เวลาน้องๆไปทำงาน หากเราไม่อยู่ก็เป็นห่วง ห่วงทั้งน้องๆ และห่วงทั้งผู้ประสบเหตุ มันต้องมีผู้ใหญ่คอยประเมินสถานการณ์และช่วยคิด แต่ไม่ว่าผลสอบสวนจะเป็นยังไง น้าก็ยังทำงานช่วยสังคมต่อไป เพราะน้าก็ไม่ถนัดงานอื่น (หัวเราะ)

 

ขณะเดียวกันเฟซบุ๊ก Alex Marine Junyatanakorn ซึ่งเป็นเฟซบุ๊ก ฝันเด่น จรรยาธนากร ได้โพสต์ข้อความ " พี่น้องพระนครสายเก่าและแก่ เป็นไงกันบ้าง คิดถึงๆว่างๆเรานัดมาพบปะ พูดคุย เล่าเรื่องอดีตกันมั้ย แก่ๆกันแล้วต้องรำลึก ระลึกถึงกันซะหน่อยนะ ถ้าอยากเจอ อยากคุย ส่งเสียงมา ถ้าเยอะพอเราจะได้พบกันในเร็ววันนะจ๊ะ ..... จาก อดีต รหัสดารา6 คู่สาย นคร62

 

 

 

ขณะเดียวกันในเพจเฟซบุ๊คต่างๆ ก็มีการโพสต์แสดงความเห็นในแง่มุมต่าง ๆ 

 

 

รวมถึง   Suriya pankerd police  ซึ่งได้โพสต์แสดงความเห็นเพิ่มเติม  ข้อความว่า

 

ทำงาน ทำเท่ห์....
ทำงานกู้ภัย ช่วยเหลือคนเจ็บคนตาย ดีแล้ว
ถ้าไม่มี กู้ภัย ตำรวจคงเหนื่อยกันอีกเยอะ
ไม่ผิดหรอกที่ทำงานกู้ภัย
แต่ที่ผิดพลาดไป คือ ไปโพสต์ แอคชั่นเท่ห์ๆ
เหยียบหัวหน่วยงานอื่นว่า รอจนถึงเช้า ไร้วี่แววเจ้าหน้าที่

พอได้ด่าตำรวจ ...
พวกคลั่ง แอนตี้ตำรวจ เลยได้ใจ ทั้งมารุมด่า กันอย่างสะใจ

ทั้งๆ ที่ความจริง มีตำรวจสายตรวจ เข้าไปที่เกิดเหตุ ตั้งแต่ตอนพบศพแล้ว
ขาดแต่ พงส.กับแพทย์

ซึ่งเป็นปัญหาว่า ท้องที่ใด เป็นผู้ชันสูตรศพตามกฏหมาย

 

 

ซึ่งกฏหมาย ป.วิ.อาญา มาตรา 150 บอกว่า ให้ พงส.ท้องที่ที่ศพนั้นอยู่ รวมกับแพทย์นิติเวชศาสตร์ ทำการชันสูตรโดยเร็ว

ปัญหา คือ สถานที่ดังกล่าว เป็นเขตรอยต่อ หลายโรงพัก
การกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย จากสะพาน ท้องที่หนึ่ง
พบศพในน้ำท้องที่หนึ่ง
นำศพขึ้นฝั่งอีกท้องที่หนึ่ง

จึงถกเถียงกันว่า ท้องที่ใดคือท้องที่พบศพ ระหว่าง ท้องที่ที่ศพ อยู่ในน้ำหรือศพอยู่บนฝั่ง ที่กู้ภัยลากขึ้นมา

การฆ่าตัวตาย ไม่ใช่การกระทำความผิดอาญา จึงไม่ต้องไปดูท้องที่เกิดเหตุตาม ป.วิ.อาญา ม.18 หรือ 19

แค่ดู ป.วิ.อาญา ม.150

 

 

พงส.ไปชันสูตรศพ ก็ไม่ได้ยุ่งยาก แถมได้เงินค่าชันสูตรอีก ทราบว่า ปัจจุบันได้เพิ่มจากศพละ 800 เป็น 1,200 บาท
ปัญหาที่ พงส.ไปช้า คือ ถกเถียง กันเรื่องอำนาจในการชันสูตรศพ
ถ้าไม่ใช่ท้องที่ที่พบศพ ก็ไม่มีอำนาจชันสูตรศพ

 

และอีกอย่าง ที่เจอบ่อย คือ ต้องไปรอแพทย์ หลายครั้งแพทย์ติดเคสรักษาคนไข้
ทั้งในโรงพักเมืองใหญ่ ช่วงดึกๆ พวกขี้เมาเยอะ รถชนกันบ้าง ทำร้ายร่างกายกันบ้าง บุกรุกกันบ้าง
พงส. ต้องไปทำคดีเหล่านี้ด้วย ไม่ได้รอทำแต่คดีชันสูตรอย่างเดียว

พงส.เวร ก็เข้าเวรผลัดละ 1 -2 คน

ถ้าไม่ใช่แน่ชัดว่า เป็นท้องที่ของตนเอง ก็ไม่อยากออกไป

เคสนี้ ได้พิจารณากันได้ให้ พื้นที่ สภ.บางกรวย ที่ศพขึ้นฝั่ง เป็นที่ที่พบศพอยู่ เป็นผู้ชันสูตร พงส.จึงได้ออกไป
ส่วนที่ที่พบศพในน้ำ ซึ่งเป็นพื้นที่ อีก สน.หนึ่ง ไม่ใช่ ที่ที่พบศพ

 

ขอบคุณที่มาเฟซบุ๊ก รถตระเวนข่าว V.2 , Suriya pankerd police