- 06 มี.ค. 2562
จากกรณีการแชร์ข่าวผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกู้เงินไม่ได้ ผ่านทางทองเฟซบุ๊ก ล่าสุดเพจ ไทยคู่ฟ้าได้ออกมาชี้แจงถึงกระแสข่าวนี้แล้วโดยระบุว่า.... กระแสข่าวลวงเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกลับมาวนเวียนในโลกโซเชียลอีกครั้ง
จากกรณีการแชร์ข่าวผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกู้เงินไม่ได้ ผ่านทางทองเฟซบุ๊ก ล่าสุดเพจ ไทยคู่ฟ้าได้ออกมาชี้แจงถึงกระแสข่าวนี้แล้วโดยระบุว่า.... กระแสข่าวลวงเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกลับมาวนเวียนในโลกโซเชียลอีกครั้ง โดยมีประชาชนได้รับข้อความทำนองว่า “ถ้าลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐแล้วจะไม่สามารถกู้เงินหรือทำธุรกรรมอย่างอื่นได้” ขอย้ำอีกครั้งว่า ไม่เป็นความจริง!! และเป็นข่าวเก่าตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่เปิดรับลงทะเบียนใหม่ ๆ ในช่วงนั้นมีความเข้าใจผิดเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเกิดขึ้นมากมาย เช่น สามารถนำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปขอแลกเป็นเงินสดแทนการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ การให้เงินผู้มีรายได้น้อยซื้อสินค้าเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อเจ้าสัว หรือแม้แต่ถ้ามีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้วจะไม่สามารถกู้เงินหรือทำธุรกรรมอย่างอื่นได้ซึ่งหน่วยงานภาครัฐได้ออกมาชี้แจงจนเงียบไปพักหนึ่ง
สำหรับเรื่องผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไม่สามารถกู้เงินจากธนาคารได้นั้น ความจริงแล้วประชาชนคนกลุ่มนี้เป็นผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 100,000 บาทต่อปี หรือต่ำกว่า 10,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเป็นตามหลักเกณฑ์ผู้มีรายได้น้อยของรัฐบาล ดังนั้น จึงไม่สามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินได้อยู่แล้ว เนื่องจากสถาบันการเงินกำหนดคุณสมบัติและเงื่อนไขของผู้กู้ว่าต้องมีรายได้เพียงพอที่จะชำระหนี้ได้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นต่อระบบการเงินของสถาบันการเงินแต่ละแห่ง และนี่จึงเป็นที่มาที่รัฐบาลได้เปิดโอกาสให้คนกลุ่มนี้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อให้รัฐสามารถดูแลช่วยเหลือได้อย่างตรงจุด โดยเฉพาะเรื่องสินเชื่อได้มอบหมายให้ธนาคารของรัฐเช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย และ ธ.ก.ส. จัดหาสินเชื่อหรือเงินทุนสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ไม่มีหลักประกัน เพื่อให้สามารถขอกู้เงินจากผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ได้
นอกจากนี้ ก็ไม่มีการส่งข้อมูลผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้กับเครดิตบูโรเพื่อตรวจสอบแต่อย่างใด เพราะข้อมูลส่วนบุคคลไม่ใช่ข้อมูลเครดิต และไม่มีบทบัญญัติกฎหมายใดรองรับ จึงไม่มีผลใด ๆ ต่อการพิจารณาขอกู้เงิน
จากสถาบันการเงินทั้งสิ้น ในทางตรงกันข้าม ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกลับได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่รัฐบาลจัดให้ ได้แก่
1. ลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ให้วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น จากร้านธงฟ้าประชารัฐ 200 - 300 บาทต่อเดือน
2. ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม จำนวน 45 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน
3. ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ได้แก่ ค่าโดยสารรถเมล์/รถไฟฟ้า 500 บาทต่อเดือน ค่ารถโดยสาร บขส. 500 บาทต่อเดือน ค่าโดยสารรถไฟ 500 บาทต่อเดือน
4. สินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ วงเงินกู้สูงสุดรายละไม่เกิน 1 ล้านบาท
5. สินเชื่อเพื่อประกอบอาชีพ วงเงินกู้รายละไม่เกิน 50,000 บาท
6. คืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการที่ซื้อสินค้าในร้านธงฟ้าประชารัฐ หรือร้านค้าที่กำหนด ร้อยละ 5 และโอนเข้าบัญชีกองทุนการออมแห่งชาติของผู้ถือบัตร อีกร้อยละ 1 (ตั้งแต่ 1 พ.ย. 61 - 30 เม.ย. 62)
7. ค่าใช้จ่ายช่วงปลายปี (ธ.ค. 61) สำหรับใช้เดินทางกลับภูมิลำเนา โดยจ่ายให้เพียงครั้งเดียว 500 บาท/คน
8. ค่าเดินทางไปรักษาพยาบาลของผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป (ธ.ค. 61) โดยจ่ายให้ครั้งเดียว 1,000 บาท/คน
9. ค่าเช่าบ้านสำหรับผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป (ธ.ค. 61 - ก.ย. 62) 400 บาท/คน/เดือน
10. ค่าไฟฟ้าและน้ำประปา (ธ.ค. 61 - ก.ย. 62) แบ่งเป็น ค่าไฟไม่เกิน 230 บาทต่อครัวเรือน/เดือน ค่าน้ำไม่เกิน 100 บาทต่อครัวเรือน/เดือน
สิ่งเหล่านี้จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า รัฐบาลช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยอย่างตรงจุดและพยายามพัฒนาสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนมากที่สุด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-ยายพิการ 57ชีวิตรันทด ไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อาศัยป้ายโฆษณามุงพอได้บังแดดบังฝน
-1 ก.พ.62 "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" ปรับวงเงิน โอนเข้า E-Money กดเงินสดได้มากกว่าเดิม
-กรมบัญชีกลาง ขานรับเตรียมโอนเงินเพิ่มเข้ากระเป๋า e-Money 100 - 200 บาท ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เริ่ม ก.พ. – เม.ย.62
-คลังต่ออายุบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปอีก 6 เดือน เติมเงินซื้อของให้อีก 100-200 ทุกๆเดือน
ขอบคุณเพจ ไทยคู่ฟ้า