- 12 มี.ค. 2562
พิชัย บุญยเกียรติ น้องชายชินวรณ์ บุณยเกียรติ อดีตลูกหม้อ ปชป.ที่ปัจจุบันลาออกสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร. ในฐานะอดีตนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ตัดสินใจยื่นฟ้องคดีอาญาโดยตรงกับนายเทพไท เสนพงศ์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เขต 3 นครศรีธรรมราช พร้อมน้องชายฐานทุจริตการเลือกตั้งนายก อบจ.เมืองคอน หลังคดียืดเยื้อชั้นตำรวจ อัยการ กว่า 4 ปีจนล่าสุดสำนวนอยู่ที่สำนักงานอัยการสูงสุด
พิชัย บุญยเกียรติ น้องชายชินวรณ์ บุณยเกียรติ อดีตลูกหม้อ ปชป.ที่ปัจจุบันลาออกสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร. ในฐานะอดีตนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ตัดสินใจยื่นฟ้องคดีอาญาโดยตรงกับนายเทพไท เสนพงศ์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เขต 3 นครศรีธรรมราช พร้อมน้องชายฐานทุจริตการเลือกตั้งนายก อบจ.เมืองคอน หลังคดียืดเยื้อชั้นตำรวจ อัยการ กว่า 4 ปีจนล่าสุดสำนวนอยู่ที่สำนักงานอัยการสูงสุด
(12 มี.ค.) ที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช นายพิชัย บุณยเกียรติ ผู้สมัคร สส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งอดีตสมาชิกคนสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ในนครศรีธรรมราช อดีตนายก อบจ.นครศรีธรรมราช และเป็นน้องชายของนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รองหัวหน้าประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายพิชัย พร้อมด้วยนายสุวิทย์ ศิริวุฒิ ทนายความ ได้เข้ายื่นฟ้องนายมาโนช เสนพงศ์ เป็นจำเลยที่ 1 และนายเทพไท เสนพงศ์ เป็นจำเลยที่ 2 ในฐานความผิด พรบ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2545
โดยบรรยายฟ้องโดยสรุปในคดีนี้ระบุว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันกระทำความผิดโดยเจตนา ระหว่างวันที่ 4-5 มกราคม 2557 ได้ร่วมกันจัดเลี้ยงผู้นำท้องที่โดยวิธีการเลี้ยงโต๊ะจีนประมาณ 20-30 โต๊ะ ในร้านอาหารแห่งหนึ่งในระหว่างการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีนายมาโนช เสนพงศ์ จำเลยที่ 1 น้องชายของนายเทพไท เสนพงศ์ จำเลยที่ 2 เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ต่อมามีการยื่นร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งในกรณีการจัดเลี้ยงที่เกิดขึ้นอันเป็นการฝ่าฝืน พรบ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2545 มาตรา 57 วรรคหนึ่ง (4) และมาตรา 118 โดยมีเจตนาช่วยเหลือ ซึ่งต่อมาคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้ร้องต่อศาลอุทธรณ์ภาค 8 แผนกคดีเลือกตั้ง ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ได้มีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของนายมาโนช เสนพงศ์ จำเลยที่ 1 ส่งผลให้นายมาโนชพ้นจากตำแหน่งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช
นายพิชัย บุณยเกียรติ ในฐานะผู้เสียหายในคดีเปิดเผยว่า หลังจากที่ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษา หลังจากนั้นคณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีมติให้ดำเนินคดีอาญากับจำเลยทั้งสอง ตามคำวินิจฉัยที่ 56/2558 ลงวันที่ 9 มีนาคม 2558 ซึ่งต่อมาคณะกรรมการการเลือกตั้งได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนแล้วแต่ปรากฎว่าคดีมีความล่าช้าจนถึงปัจจุบันล่วงเลยมากว่า 4 ปี เพราะมีความเห็นแย้งกันมาตลอดตั้งแต่พนักงานสอบสวนมีความเป็นสั่งฟ้องทั้งสองคน แต่ ผกก.กลับมีความเห็นสั่งไม่ฟองทั้งสองคน และส่งสำนวนถึงอัยการจังหวัดนครศรีธรรมราช อัยการ ฯมีความเห็นสั่งห้องทั้งสองคน จึงต้องสงเรื่องไปถึงอธิบดีศาลอุทธรณ์ภาค 8 และศาลอุทธรณ์ภาค 8 สั่งห้องนายมาโนช จำเลยที่ 1 แต่สั่งไม่ฟ้องจำเลยที่ 2 ตามขั้นตอนจึงต้องส่งสำนวนถึงผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ปรากฏว่าผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 มีความเห็นแย้งกับอธิบดีศาลอุทธรณ์ภาค 8 โดยมีความเห็นสั่งห้องทั้งสองคนพี่น้อง ดังนั้นขันตอนสุดท้ายจึงส่งสำนวนถึงอัยการสูสุดเพื่อพิจารณาสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้องต่อไป แต่เรื่องยังเงียบหายล่าช้าเมื่อ 3 เดือนก่อน ตนจึงเข้าร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ส่งผลให้เกิดผลเสียต่อรูปคดี มีความเสียหายต่อพยานหลักฐานพยานสำคัญที่บางรายเสียชีวิตไปแล้ว จึงเป็นเหตุให้มีการฟ้องร้องดำเนินคดีในฐานะผู้เสียหายด้วยตัวเองดังกล่าว โดยกลุ่มคดีทุจริตการเลือกตั้งที่เกี่ยวข้องครั้งเดียวกันที่ตนยื่นร้องต่อ กกต.พร้อม ๆ กันมีจำเลย 9 คน ที่ผ่านมาถูกศาลพิพากษาจำคุกไปแล้วถึง 7 ราย มีระวางโทษ 1-7 ปี แต่ทั้งนายมาโนช เสนพงศ์ และนายเทพไท เสนพงศ์ จำเลยสองพี่น้องกลับยืดเยื้อไม่มีความคืบหน้า
ทางด้านนายสุวิทย์ ศิริวุฒิ ทนายความของนายพิชัย บุณยเกียรติ โจทก์ กล่าวว่าคดีนี้นายพิชัย ในฐานะผู้เสียหายมีสิทธิโดยชอบที่จะยื่นฟ้องด้วยตัวเอง คดีนี้ศาลได้ประทับนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 12 พฤษภาคม 2562 เป็นนัดแรก หากผลการไต่สวนมีมูลศาลจะประทัรับห้องและตามดำเนินการตามขั้นตอนและเป็นดุลยพินิจของศาลที่จะวินิจฉัยจะเรียกสำนวนจากอัยการสูงสุดมารวมสำนวนหรือไม่ หรืออย่างไรเป็นดุลพินิจของศาล ผู้เสียหายเห็นว่ากระบวนการดำเนินคดีอาญามีความล่าช้าถึง 4 ปี ยังไม่ถึงกระบวนการพิจารณา จึงเลือกที่จะฟ้องร้องดำเนินคดีด้วยตัวเอง.
ภาพด/คลิป ยุทธนะ เตมะศิริ สำนักข่าวทีนิวส์นครศรีธรรมราช