- 26 มี.ค. 2562
ตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ทางการแพทย์ กรณีไส้ติ่งแตก ทำไมถึงมีหนองเยอะขนาดนี้ ตนก็ได้แต่คิดว่า ขนาดเราเป็นแผลปล่อยไว้นานยังเป็นหนอง แล้วอันนี้เป็นข้างใน ก็ไม่แน่ใจว่า แตกตั้งแต่เมื่อไหร่
วันนี้( 26 มี.ค. 62)ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ รายงานว่า ผู้ใช้เฟสบุ๊คชื่อว่า ด’ดา สายบ๊อง ได้โพสต์ภาพ และระบุข้อความว่า #อยากให้อ่านให้จบ #โรงพยาแห่งหนึ่งที่บ้านเกิด พวกมึงบอกว่าหลานกูแค่ปวดท้องบิด..ไม่ต้องกังวน..มึงให้ยาแก้ปวด ยาแก้อาเจียน ยาแก้ปวดท้องเกร็ง..แล้วมึงก็ให้กลับ..ผ่านไป1วัน...หลานกูปวดมากกูไปหาพวกมึงรอบ2แล้วบอกว่าปวดท้องมาก..ถ่ายไม่ออก..มึงก็บอกว่าตอนนี้ญาจิกังวนเรื่องถ่ายไม่ออกใช่ไม๊..ไม่ต้องกังวน..แค่ปวดท้องบิด..แล้วมึงก็ให้ยาแบบเดิมมา..แล้วแม่กูเลยขอยาระบายหน่อยได้ไม๊..ถ้าไม่ขอมึงก็ไม่ให้..แล้วมึงก็ให้กลับ..บอกว่าถ้าไม่ดีขึ้นให้กลับไปเจาะเลือด...เข้าวันที่3..กูตัดสินใจพาหลานกูข้ามเขตการรักษามาที่สังขะ...มาถึง รพ.สังขะหมอกดดูท้องและถามอาการหมอก็สั่งเจาะเลือดตรวจเยี่ยวทันที..หมอสันนิสถานว่าอาจเป็นไส้ติ่งอักเสบ..พอผลตรวจออกมา..หมอก็สั่งส่งตัวมาที่ รพ.สุรินทร์ทันที..เพราะว่ามีโอกาศเป็นไส้ติ่งสูง...พอมาถึง รพ.สุรินทร์หมิก็เจาะเลือดตรวจเยี่ยวอีกครั้ง..ผลออกมาคือไส่ติ่งแตก...ต้องผ่าตัด...หลานกูเข้าห้องผ่าตัดตั้งแต่ 2 ทุ่ม..ออกมาตอน 5 ทุ่มกว่า..พอเช้านี้ 25/03/62มาหมอใหญ่มาตรวจแล้วบอกว่าหลานกูไส้ติ่งแตกแล้วติดเชื้อ..และมีหนองแล้วมีเยอะมาก..อาจต้องผ่าตัดอีกรอบ..และครั้งนี้เป็นการผ่าตัดใหญ่...ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด.และนี่คือหลานกูหลังผ่าตัด..ผ่าตัดสิ่งที่พวกมึงบอกว่า..แค่ปวดท้องบิด #แผลผ่าตัดใหญ่มาก
ล่าสุด วันนี้(26 มี.ค.62)ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ ได้พยายามหลายๆครั้งในการติดต่อ ผู้ใช้เฟสบุ๊คชื่อว่า ด’ดา สายบ๊อง ทั้งทางอินบ็อก และจากการตามลงพื้นที่ จนในที่สุดได้นัดพบ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกับ ผู้ใช้เฟสบุ๊คชื่อว่า ด’ดา สายบ๊อง ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ข้างๆโรงพยาบาลศูนย์สุรินทร์ ทราบชื่อต่อมาภายหลังคือ นางสาวจิตรฤทัย จินพละ หรือ น้องดา อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111 บ้านเคาะ ม.4 ต.ณรงค์ อ.ศรีณรงค์ จ.สุรินทร์ ได้เปิดหน้าเฟสบุ๊ค เพื่อให้ดู ภาพและข้อความ ที่โพสต์ ที่มีการแชร์เรื่องราวต่อมากว่า 600 ครั้ง และมีคนออกมาแสดงความคิดเห็นมากถึง 254 ข้อความ ส่วนใหญ่ต่างให้กำลังใจ และตำหนิหน่วยงานที่ถูกพาดพิง
จากการสอบถาม นางสาวจิตรฤทัย จินพละ หรือ น้องดา เล่าว่า เพื่อนตนก็เจอลักาณะคล้ายๆกัน พาแม่ไปโรงพยาบาลแห่งนี้ ไม่รู้ว่าปวดท้องหรืออะไร แม่เขาได้รับแค่ยา แล้วเปลี่ยนยาไปเรื่อยๆจนไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไรกันแน่ บอกว่าเป็นแค่ โรคกระเพาะ หรือบอกว่าเป็น โรคโน้นนี่นั้นบ้าง ขนาดน้องสะใภ้ตนเองเป็น คนท้องก็ยังโดน เหตุการณ์ตอนแรกเลย เช้าของวันศุกร์ที่ผ่านมา น้องบอกว่าปวดท้องก็คิดว่า คงเป็นอาการปวดท้องของเด็กผู้หญิง อาการทั่วไป ประจำเดือนอะไรแบบนี้ ก็เลยให้น้องนอนดูอาการก่อน เผื่อจะหายปวด พอช่วงเย็นน้องบอกว่าปวดมาก ก็เลยให้น้องสะใภ้เป็นคนพาไปโรงพยาบาล ตนไปไม่ได้เพราะตนเป็นคนอารมณ์ร้อน ก็เลยให้น้องสะใภ้พาไปกลับมา น้องสะใภ้ก็มาบอกว่า หมดบอกว่า น้องเป็นลำไส้บิด อาจจะเกี่ยวกับแพ้อาหาร อาหารเป็นพิษ เพราะได้หมอด้วยว่า น้องอาเจียนด้วย แต่หมอก็บอกว่า น้องปวดท้องเป็นลำไส้บิด หรือจะอาจเกี่ยวกับเป็นอาหารเป็นพิษด้วย ก็แค่นี้แล้วก็ให้กลับ และให้ยามา 3 อย่าง ยาแก้ปวด ยาแก้ปวดท้องเกร็ง และยาแก้อาเจียน
ที่ตนนำมาโพสต์ในเฟสบุ๊ค เพื่อต้องการให้ ญาติและเพื่อนๆของตนเอง เห็นว่า น้องไม่สบายนะ น้องป่วย และอยากให้คุณหมอเขาวินิจฉัยโรคดีๆหน่อย หรือ ดีกว่านี้ เพราะว่า อยากให้สนใจคนไข้อีกนิดหนึ่ง เป็นโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใกล้ๆบ้าน พาน้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลแห่งนี้ 2 ครั้ง น้องบอกเป็นคุณหมอ ผู้ชาย น้องแพร อายุ 11 ปี เป็นหลานสาว เรียนอยู่ ป.5 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากจะให้คุณหมอเขาตรวจคนไข้ให้ละเอียดกว่านี้ เพราะว่าครั้งแรกที่ น้องไปก็ตัวงอไปแล้ว ครั้งที่สองไปก็ตัวงอไป ก็ยังไม่เจาะเลือดให้ น้องก็บอกว่าปวดไส้ติ่งข้างขวา และก็บอกว่าปวดไปทั่ว ตามภาษาเด็ก
ครั้งเรียกน้องสะใภ้พาไปโรงพยาบาล ครั้งที่สอง แม่ของตนเป็นคนพาไป ครั้งที่ 2 ก็ให้ยาแบบเดิมมา และก็แค่เพิ่มยาระบายมา เพราะว่าแม่บอกหมอว่า น้องท้องอืด โรงพยาบาลใกล้บ้านเกิดแห่งนี้ มีปัญหาลักษณะแบบนี้กับ ครอบครัวของตน 2 ครั้ง คือ ครั้งแรก ตอนนั้นน้องสาวคนเล็ก คือน้องสาวของน้องแพร นี่แหละ ตอนนั้นน้องอายุ 2 ขวบ น้องนอนอยู่ดีๆน้องเขาก็ร้อง ตนก็ได้ใช้ไฟฉายส่องก็บอกว่าแมงๆเข้าหู และเอาออกไม่ได้ ก็เลยพาไปหาหมอ ก็บอกหมดว่า “คุณหมอแมงเข้าหูน้องนะ” แล้วหมดคนนั้นก็ใช้เครื่องมือทางการแพทย์ส่องดูแล้วก็บอกว่า “ ขี้หู” แล้วก็ใช้มือกดไปที่หูของน้องอายุ 2 ขวบก็ร้องไห้ เขาบอกว่า “ ขี้หู” แถมต่อว่าผู้ปกครอง ทำไมถึงปล่อยให้ขี้หูเยอะมากถึงขนาดนี้ และน้องแพร ผู้เป็นพี่สาว เป็นเคสที่ 2 เกิดวันศุกร์ และเสาร์ ไปหาครั้งที่ 2 ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านเนื่องจากน้องปวดท้องมาก ก็ไม่มีการเจาะเลือกด เป็น 2 วัน พอวันที่ 3 ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 24 มี.ค.62 โชคดีที่เป็นวันเลือกตั้งพอดี ได้พาน้องข้ามเขต เพื่อมารักษาที่อีกโรงพยาบาลศูนย์สุรินทร์ ซึ่งหมดที่โรงพยาบาลที่บ้านเกิดได้แต่เพียง วินิจฉัยโรคว่า น้องเป็นลำไส้บิด อาจเป็นอาหารเป็นพิษ เพราะว่า น้องอาเจียน แท้จริงแล้ว น้องไส้ติ่งแตก แล้วติดเชื้อด้วย หมดบอกว่า ตอนผ่าออกมาหนองเยอะมาก ที่หมอบอกว่า หนองเยอะมาก ตนคิดว่า ไส้ติ่งมันแตกนานแค่ไหนแล้ว น้ำหนองถึงได้มีเยอะถึงขนาดนั้น ตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ทางการแพทย์ กรณีไส้ติ่งแตก ทำไมถึงมีหนองเยอะขนาดนี้ ตนก็ได้แต่คิดว่า ขนาดเราเป็นแผลปล่อยไว้นานยังเป็นหนอง แล้วอันนี้เป็นข้างใน ก็ไม่แน่ใจว่า แตกตั้งแต่เมื่อไหร่
ภาพ/ข่าว ธนินท์ทัศน์ ภูแก้ว ผู้สื่อข่าวภูมิภาคสำนักข่าวทีนิวส์ จ.สุรินทร์